หน้าเว็บ

แสดงบทความที่มีป้ายกำกับ รัสเซีย แสดงบทความทั้งหมด
แสดงบทความที่มีป้ายกำกับ รัสเซีย แสดงบทความทั้งหมด

วันพฤหัสบดีที่ 17 กรกฎาคม พ.ศ. 2568

สมเด็จพระจักรพรรดินีแคเธอรีนที่ 2 (Catherine the Great)

 


สมเด็จพระจักรพรรดินีแคเธอรีนที่ 2 (Catherine the Great)


สมเด็จพระจักรพรรดินีแคเธอรีนที่ 2 หรือที่รู้จักกันทั่วไปว่า แคเธอรีนมหาราช (Catherine the Great)

เป็นหนึ่งในพระมหากษัตริย์หญิงที่ทรงอิทธิพลและมีชื่อเสียงที่สุดในประวัติศาสตร์ยุโรป โดยเฉพาะในรัสเซีย


คุณพ่อ-คริสเตียน ออกัสต์ เจ้าชายแห่งอันฮัลต์-เซิร์บสต์ ( Christian August, Prince of Anhalt-Zerbst )

คุณแม่-โจอันนา เอลิซาเบธแห่งโฮลชไตน์-ก็อททอร์ป ( Joanna Elisabeth of Holstein-Gottorp )


พระนามเต็ม: เยกาเทรีนา อาเล็กเซเยฟนา (Yekaterina Alekseyevna)

พระราชสมภพ: 2 พฤษภาคม ค.ศ. 1729 ณ เมืองชเต็ตติน (ปัจจุบันคือ Szczecin ประเทศโปแลนด์)

พระราชสวรรคต: 17 พฤศจิกายน ค.ศ. 1796

พระสวามี: สมเด็จพระจักรพรรดิปีเตอร์ที่ 3 แห่งรัสเซีย

ขึ้นครองราชย์: ค.ศ. 1762 – 1796


แคเธอรีนมิได้เป็นชาวรัสเซียโดยกำเนิด แต่เป็นเจ้าหญิงเยอรมัน

หลังจากสมรสกับปีเตอร์ที่ 3 เธอได้มีบทบาททางการเมืองมากขึ้น

ปีเตอร์ที่ 3 ถูกโค่นล้มจากราชบัลลังก์โดยรัฐประหาร ซึ่งแคเธอรีนมีส่วนร่วมอย่างสำคัญ

เธอจึงขึ้นครองราชย์แทน และกลายเป็นจักรพรรดินีแห่งรัสเซีย

หลังจากทรงโค่นล้มพระสวามี พระเจ้าปีเตอร์ที่ 3 ด้วยการรัฐประหาร 

พระองค์ได้ขึ้นครองราชย์เป็นจักรพรรดินีรัสเซีย และทรงเป็นพระมหากษัตริย์

ที่ครองราชย์ยาวนานที่สุดในประวัติศาสตร์จักรวรรดิรัสเซีย โดยครองราชย์นานถึง 34 ปี


ผลงานและการปฏิรูป


ส่งเสริม การศึกษา, ศิลปะ, และ ปรัชญาแห่งยุคแสงสว่าง (Enlightenment)

ขยายอาณาเขตของรัสเซียอย่างมาก โดยเฉพาะทางตอนใต้และตะวันตก

ปฏิรูปการบริหารราชการแผ่นดินและกฎหมาย

สนับสนุนการตั้งหอสมุดและพิพิธภัณฑ์ เช่น Hermitage Museum ในเซนต์ปีเตอร์สเบิร์ก


เป็นผู้หญิงที่มีสติปัญญาเฉียบแหลมและมีความทะเยอทะยาน

มีความสัมพันธ์กับนักปรัชญาชื่อดัง เช่น วอลแตร์ (Voltaire) และดีเดอโรต์ (Diderot)

แม้จะมีข่าวลือและเรื่องเล่ามากมายเกี่ยวกับชีวิตส่วนตัวของเธอ 

แต่เธอก็ได้รับการยกย่องว่าเป็นหนึ่งในผู้นำที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของรัสเซีย



พระองค์ทรงเป็นผู้นำที่มีวิสัยทัศน์และมีบทบาทสำคัญในการปฏิรูปรัสเซีย

ให้ทันสมัยขึ้นในหลายด้าน โดยเฉพาะในยุคแห่งแสงสว่าง (Age of Enlightenment) 

ซึ่งแนวคิดจากยุโรปตะวันตกมีอิทธิพลต่อพระองค์อย่างมาก


ส่งเสริมการศึกษาโดยก่อตั้งโรงเรียนและมหาวิทยาลัย

สนับสนุนการแปลหนังสือจากภาษาต่างประเทศเป็นภาษารัสเซีย



พยายามร่างกฎหมายใหม่ที่มีพื้นฐานจากหลักเหตุผลและความยุติธรรม

จัดประชุม "Legislative Commission" ในปี 1767 เพื่อรวบรวมความคิดเห็นจากชนชั้นต่าง ๆ

แม้จะไม่สามารถออกกฎหมายใหม่ได้ทั้งหมด แต่ก็เป็นจุดเริ่มต้นของการปฏิรูปกฎหมายในรัสเซีย


ปรับปรุงระบบการบริหารราชการ โดยแบ่งเขตการปกครองใหม่ให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น

เพิ่มอำนาจให้ขุนนางในการปกครองท้องถิ่น เพื่อแลกกับความจงรักภักดี


สนับสนุนการพัฒนาเกษตรกรรมและอุตสาหกรรม

ส่งเสริมการตั้งนิคมใหม่ในดินแดนที่เพิ่งยึดมา เช่น ยูเครนและแคว้นโวลก้า


ขยายอาณาเขตของรัสเซียอย่างมาก โดยเฉพาะในแถบทะเลดำและโปแลนด์

ทำให้รัสเซียกลายเป็นมหาอำนาจในยุโรป


แม้แคเธอรีนจะมีแนวคิดก้าวหน้า แต่พระองค์ก็ยังคงรักษาระบบชนชั้นและทาสไว้ 

ซึ่งเป็นข้อขัดแย้งกับแนวคิดเสรีนิยมที่พระองค์สนับสนุนในบางด้าน


การขยายอาณาเขตมีความสำคัญต่อรัสเซียในหลายมิติ ทั้งด้านภูมิรัฐศาสตร์ 

เศรษฐกิจ ความมั่นคง และอัตลักษณ์ทางประวัติศาสตร์และวัฒนธรรม


เพิ่มอิทธิพลในภูมิภาค: การขยายอาณาเขตช่วยให้รัสเซียมีอำนาจควบคุมพื้นที่ยุทธศาสตร์ 

เช่น คาบสมุทรไครเมียที่มีฐานทัพเรือสำคัญในทะเลดำ


ควบคุมทรัพยากรธรรมชาติ: พื้นที่ใหม่อาจมีแหล่งพลังงาน เช่น น้ำมัน ก๊าซธรรมชาติ 

หรือแร่ธาตุ ซึ่งเป็นหัวใจของเศรษฐกิจรัสเซีย


เส้นทางการค้าและโลจิสติกส์: การควบคุมพื้นที่ชายฝั่งหรือเส้นทางคมนาคมสำคัญ

ช่วยให้รัสเซียมีอำนาจต่อรองทางเศรษฐกิจมากขึ้น


ภายใต้การปกครองของพระองค์ รัสเซียได้ฟื้นฟูประเทศ บรรลุจุดสูงสุดทางประวัติศาสตร์ 

และกลายเป็นมหาอำนาจยุโรป


รัชสมัยของพระนางแคทเธอรีนเป็นที่รู้จักกันในชื่อ "ยุคแคทเธอรีน"

พระนางแคทเธอรีนทรงส่งเสริมการก่อสร้างอาคารของชนชั้นสูงแบบคลาสสิกหลายแห่ง 

ซึ่งได้เปลี่ยนโฉมหน้าของรัสเซีย พระนางทรงสนับสนุนแนวคิดของยุคเรืองปัญญา * Age of Enlightenment

อย่างกระตือรือร้น จนได้รับสมญานามว่าทรราชผู้รู้แจ้ง


พระนางแคทเธอรีนยังทรงสนับสนุนศิลปะและส่งเสริมการพัฒนาของยุคเรืองปัญญา

ของรัสเซียอีกด้วย Smolny Palace ที่ก่อตั้งขึ้นในช่วงเวลานี้ถือเป็นสถาบันอุดมศึกษา

สำหรับสตรีที่ได้รับทุนจากรัฐแห่งแรกในยุโรป


สถาบัน Smolny มีบทบาทสำคัญในประวัติศาสตร์รัสเซียโดยเฉพาะอย่างยิ่ง

ในฐานะศูนย์กลางการศึกษาของสตรี และเป็นสำนักงานใหญ่ของพวกบอลเชวิก

ในช่วงต้นของ การ ปฏิวัติ เดือนตุลาคม


รัชสมัยของพระนางแคทเธอรีนเต็มไปด้วยความสำเร็จส่วนพระองค์มากมาย


ในวันที่ 16 พฤศจิกายน ตามปฎิทินเก่า: 5 พฤศจิกายน ค.ศ. 1796 

หลังเวลา 9.00 น. ไม่นานนัก เธอก็ถูกพบนอนอยู่บนพื้น ใบหน้าเป็นสีม่วง 

ชีพจรเต้นอ่อน หายใจตื้น และหายใจลำบาก

แพทย์ประจำราชสำนักวินิจฉัยว่าเป็นโรคหลอดเลือดสมอง

และแม้จะมีความพยายามช่วยชีวิตเธอ แต่เธอก็ตกอยู่ในอาการโคม่า

แม้ว่าจะพยายามประคองพระอาการไว้แค่ไหนก็ตาม

เสด็จสวรรคตในเวลาประมาณ 21:45 นาฬิกาของวันนั้น 

การชันสูตรพลิกศพยืนยันว่าโรคหลอดเลือดสมองเป็นสาเหตุของการเสียชีวิต


มีข่าวลือแพร่สะพัดเกี่ยวกับสาเหตุและลักษณะการตายของเธอ 

ข่าวลือที่โด่งดังที่สุดคือข่าวลือว่าเธอเสียชีวิตหลังจากร่วมประเวณีกับม้า 

ข่าวลือนี้ถูกเผยแพร่อย่างกว้างขวางในสื่อสิ่งพิมพ์เสียดสีทั้งของอังกฤษ

และฝรั่งเศสในช่วงเวลาที่เธอเสียชีวิต

ซึ่งเรื่องนี้ถูกกล่าวซ้ำในวรรณกรรมต่อต้านรัสเซียตลอดศตวรรษที่ 17 และ 18



จักรพรรดิปัฟเวลที่ 1 เปโตรวิช Paul I of Russia ( Pavel I Petrovich )  

ขึ้นสืบราชสมบัติต่อจากพระราชมาดา 





วันพฤหัสบดีที่ 29 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2567

เลฟ ยาชิน Lev Yashin แมงมุมดำแห่งโซเวียต

 



เลฟ ยาชิน Lev Yashin แมงมุมดำแห่งโซเวียต


เลฟ อิวาโนวิช ยาชิน 


Lev Ivanovich Yashin


เกิด 22 ตุลาคม พ.ศ. 2472  (1929 )


เสียชีวิต 20 มีนาคม พ.ศ. 2533 (1990) *ก่อนสหภาพโซเวียตล่มสลาย 1 ปี


เลฟ ยาชิน Lev Yashin



เป็นนักฟุตบอลอาชีพชาวโซเวียต


ได้รับการยกย่องจากหลาย ๆ คนว่าเป็นผู้รักษาประตูที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์ของโลกฟุตบอล


เป็นบุคคลสำคัญของโลกฟุตบอลทั้งในยุคนั้นและเป็นไอดอลแบบอย่างให้ยุคหลัง


เขามีชื่อเสียงในด้านความเป็นนักกีฬา การตัดสินใจในจุดสำคัญเพื่อป้องกันประตู การยืนตำแหน่ง 

และเซฟปฏิกิริยาการป้องกันลูก


เขายังเป็นรองประธานสหพันธ์ฟุตบอลแห่งสหภาพโซเวียตอีกด้วย


ยาชินปฏิวัติตำแหน่งผู้รักษาประตูในแง่ของเป็นผู้สั่งการในเกมรับ ตะโกนออกคำสั่งใส่กองหลัง 

ออกจากเส้นเพื่อสกัดกั้นลูกครอสวิ่งออกไปเผชิญหน้ากับผู้เล่นฝ่ายรุกที่บุกเข้ามา ซึ่งสมัยนั้น

แปลกใหม่เพราะปกตินายประตูจะอยู่เฝ้าเส้นตลอด90นาที ไม่ได้มีบทบาทแบบที่ยาซินทำมากนัก 


เขาสร้างความประทับใจไม่รู้ลืมแก่ผู้ชมทั่วโลกในฟุตบอลโลกปี 1958 ถือเป็นรายการแรกที่

ออกอากาศในระดับนานาชาติ


เขาแต่งกายตั้งแต่หัวจรดเท้าด้วยสีดำ จึงได้รับฉายาว่า "แมงมุมดำ" หรือ "เสือดำ" ซึ่งช่วยเพิ่ม

ความนิยมให้กับเขา


ยาชินปรากฏตัวในฟุตบอลโลก 3 สมัยระหว่างปี 1958 ถึง 1970


ในปี 2002 ได้รับเลือกให้เป็นหนึ่งในทีมในฝันของ FIFA ในประวัติศาสตร์ฟุตบอลโลก


ปี 1994 เขาได้รับเลือกให้ติดทีมตลอดกาลของฟุตบอลโลก


ปี 1998 ได้รับเลือกให้เป็นหนึ่งในสมาชิกทีมฟุตบอลโลกแห่งศตวรรษที่ 20


ข้อมูลของ FIFA ยาชินเซฟลูกโทษได้มากกว่า 150 ครั้งในฟุตบอลอาชีพ ซึ่งมากกว่าผู้รักษาประตูคนอื่นๆ


เขายังเก็บคลีนชีตได้มากกว่า 270 คลีนชีตในอาชีพของเขา


คว้าเหรียญทองในการแข่งขันฟุตบอลโอลิมปิกปี 1956 และแชมป์ยุโรปปี 1960


ปี 1963 ยาชินได้รับรางวัลบัลลงดอร์ ซึ่งเป็นผู้รักษาประตูเพียงคนเดียวที่เคยได้รับรางวัลนี้


ได้รับการเสนอชื่อให้ติดบัลลงดอร์ดรีมทีมในปี 2020 ซึ่งเป็น 11 ตัวผู้เล่น ที่ยิ่งใหญ่ที่สุดตลอดกาล


ได้รับการโหวตให้เป็นผู้รักษาประตูที่ดีที่สุดแห่งศตวรรษที่ 20 โดย IFFHS (สหพันธ์ประวัติศาสตร์และ

สถิติฟุตบอลนานาชาติ)


ได้รับการเสนอชื่อให้ติด ดรีมทีม ตลอดกาลของ IFFHS ในปี 2021


ได้รับเลือกจากฟรองซ์ฟุตบอลให้เป็นผู้รักษาประตูที่ยิ่งใหญ่ที่สุดตลอดกาลในปี 2020


สหพันธ์ฟุตบอลรัสเซียเลือกให้เป็นผู้เล่นที่โดดเด่นที่สุดในรอบ 50 ปีที่ผ่านมา  Golden Player of Russia


เขาเล่นให้ทีมสโมสร Dynamo Moscow ในปี 1950


เป็นผู้รักษาประตูให้กับทีมฮ็อกกี้น้ำแข็งของไดนาโม และของสหภาพโซเวียต


ตั้งแต่ปี 1950 ถึง 1970 ตลอดอาชีพการค้าแข้งเขาเล่นให้แค่ ดินาโม มอสโควทีมเดียวโดยพาทีม

คว้ารางวัลต่างๆ อย่างคว้าแชมป์ฟุตบอลสหภาพโซเวียต 5 สมัย และโซเวียตคัพ 3 สมัย 




เรื่องของทีมชาติ 


ในปี 1954 ยาชินถูกเรียกติดทีมชาติโซเวียต และติดทีมชาติทั้งหมด 78 นัด กับทีมชาติ


พาทีมชาติคว้าถ้วยรางวัลอย่าง โอลิมปิกฤดูร้อน 1956  แชมป์ยุโรปครั้งแรก 1960


เขายังเล่นฟุตบอลโลก 3 สมัยในปี 1958, 1962 และ 1966


เก็บคลีนชีตได้ 4 นัดจาก 12 เกมที่เขาเล่นในฟุตบอลโลกรอบสุดท้าย



ในปี 1971 ที่มอสโก เขาลงเล่นนัดสุดท้ายให้กับไดนาโมมอสโกเป็นการแข่งขัน FIFA Testimonial 

ของเลฟ ยาชิน จัดขึ้นที่สนามกีฬาเลนินในมอสโก โดยมีแฟนบอลเข้าร่วม 100,000 คน และมีดารา

ฟุตบอลมากมาย รวมทั้งเปเล่   ยูเซบิโอ และฟรันซ์ เบ็คเค่นบาวเออร์ 


* เกมเทสติโมเนียลแมตช์ เป็นเกมส์ที่จัดขึ้นเพื่อให้เกียรติกับนักเตะที่เล่นให้ทีมมาอย่างยาวนานเป็นตำนานสโมสร



หลังจากเลิกเล่นเขาใช้เวลาเกือบ 20 ปีในตำแหน่งบริหารต่างๆ ที่ Dynamo Moscow เขามีรูปปั้น

ที่สนามของทีมด้วย


ในปี 1986 จากเกิดภาวะลิ่มเลือดอุดตัน (thrombophlebitis) ขณะอยู่ในบูดาเปสต์ ยาชินต้องตัดขาข้างหนึ่งออก


ในปี 1990 เขาเสียชีวิตด้วยโรคมะเร็งกระเพาะอาหาร เขาได้รับพิธีศพของรัฐในฐานะ

ปรมาจารย์ด้านกีฬาแห่งสหภาพโซเวียต




วันพฤหัสบดีที่ 1 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2567

บอริส เยลต์ซิน Boris Yeltsin ประธานาธิบดีคนแรกของสหพันธรัฐรัสเซีย

 


บอริส เยลต์ซิน Boris Yeltsin ประธานาธิบดีคนแรกของสหพันธรัฐรัสเซีย


บอริส นิโคลาเยวิช เยลต์ซิน เยลต์ซินเกิดที่เมืองบุตคา 1 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2474


บอริส เยลต์ซิน Boris Yeltsin


เป็นนักการเมืองโซเวียตและรัสเซีย ซึ่งดำรงตำแหน่งประธานาธิบดีแห่งรัสเซียจาก พ.ศ. 2534 ถึง 2542 


เขาเป็น เป็นสมาชิกพรรคคอมมิวนิสต์แห่งสหภาพโซเวียตตั้งแต่ปี พ.ศ. 2504 ถึง พ.ศ. 2533 


ต่อมาเขายืนหยัดเป็นอิสระทางการเมือง ซึ่งในช่วงเวลานั้นเขาถูกมองว่ามีอุดมการณ์ที่สอดคล้องกับ

ลัทธิเสรีนิยม


เขาเป็นประธานาธิบดีคนแรกของรัสเซียหลังจากการล่มสลายของสหภาพโซเวียต 


เรียนที่มหาวิทยาลัยเทคนิคแห่งรัฐอูราลเขาทำงานด้านการก่อสร้าง


เข้าร่วมพรรคคอมมิวนิสต์ 


ในปี 1976 เขาได้เป็นเลขาธิการคนที่หนึ่งของคณะกรรมการแคว้นสแวร์ดลอฟสค์ของพรรค


เป็นผู้สนับสนุนการปฏิรูปเปเรสทรอยกาของผู้นำโซเวียต มิคาอิล กอร์บาชอฟ


ในปี 1987 เขาเป็นคนแรกที่ลาออกจาก Politburo ของพรรคคอมมิวนิสต์แห่งสหภาพโซเวียต


ในปี 1990 เขาได้รับเลือกเป็นประธานของสภาโซเวียตสูงสุดแห่งรัสเซีย


ในปี 1991 ได้รับเลือกเป็นประธานาธิบดีของสาธารณรัฐสังคมนิยมโซเวียตรัสเซีย (RSFSR)


และมีบทบาทสำคัญในการยุบสหภาพโซเวียตอย่างเป็นทางการ 


การล่มสลายของสหภาพโซเวียต RSFSR จึงกลายเป็นสหพันธรัฐรัสเซียซึ่งเป็นรัฐเอกราช


เยลต์ซินยังคงอยู่ในตำแหน่งประธานาธิบดี ต่อมาเขาได้รับเลือกอีกครั้งในการเลือกตั้งปี 1996 

ซึ่งนักวิจารณ์อ้างว่าทุจริตอย่างแพร่หลาย


เยลต์ซินมีหน้าที่รับผิดชอบในการเปลี่ยนแปลงเศรษฐกิจสังคมนิยมของรัสเซีย 


ยุคเยลต์ซินโดดเด่นด้วยการคอรัปชั่นที่มากเกินไปและแพร่หลาย อัตราเงินเฟ้อ การล่มสลายทางเศรษฐกิจ


ปัญหาทางการเมืองและสังคมขนาดมหึมาที่ส่งผลกระทบต่อรัสเซียและสาธารณรัฐอื่นๆ ของสหภาพโซเวียต 


เยลต์ซินเปลี่ยนระบบเศรษฐกิจแบบสั่งการของรัสเซียให้เป็นระบบเศรษฐกิจแบบตลาดทุน


ท่ามกลางการเปลี่ยนแปลงทางเศรษฐกิจ ผู้มีอำนาจจำนวนน้อยได้รับทรัพย์สินและความมั่งคั่ง

ของชาติเป็นส่วนใหญ่ ในขณะที่การผูกขาดระหว่างประเทศเข้ามาครอบงำตลาด


ในปี 1993 หลังจากที่เยลต์ซินสั่งยุบรัฐสภารัสเซียโดยไม่ชอบด้วยรัฐธรรมนูญ ส่งผลให้รัฐสภาถอดถอนเขา


หลังจากกองทหารที่ภักดีต่อเยลต์ซินบุกโจมตีอาคารรัฐสภาและหยุดการจลาจลด้วยอาวุธเขาก็ได้ทำการ

 ขยายอำนาจของประธานาธิบดีอย่างมีนัยสำคัญ


เยลต์ซินปกครองประเทศด้วยพระราชกฤษฎีกาจนถึงปี 1994 


ความรู้สึกแบ่งแยกดินแดนในคอเคซัสของรัสเซียนำไปสู่สงครามเชเชนครั้งแรก สงครามดาเกสถาน 

และสงครามเชเชนครั้งที่สองระหว่างปี 1994 ถึง 1999


เยลต์ซินส่งเสริมความร่วมมือครั้งใหม่กับยุโรป และลงนามข้อตกลงควบคุมอาวุธกับสหรัฐอเมริกา

 ท่ามกลางแรงกดดันภายในที่เพิ่มมากขึ้น


เขาลาออกในปลายปี 1999 ตำแหน่งประธานาธิบดีต่อโดยวลาดิเมียร์ ปูติน ผู้สืบทอดตำแหน่งที่เขาเลือก


เขาเก็บตัวไม่เป็นที่รู้จักหลังจากออกจากตำแหน่ง และได้รับการจัดพิธีศพแบบรัฐเมื่อเขาเสียชีวิตในปี 2007


เขามีทั้งเรื่องที่ได้รับคำชมอย่าง บทบาทของเขาในการรื้อสหภาพโซเวียต เปลี่ยนรัสเซียให้เป็น

ประชาธิปไตยแบบตัวแทน และนำเสนอเสรีภาพทางการเมือง เศรษฐกิจ และวัฒนธรรมใหม่ๆ 

ให้กับประเทศ


แต่ก็มีโดนต่อว่าหนักๆอย่างเช่น การจัดการทางเศรษฐกิจที่ผิดพลาด การทุจริต และการทำให้รัสเซีย

ในฐานะมหาอำนาจสำคัญของโลก ดูอ่อนแอลง


เยลต์ซินเสียชีวิตด้วยภาวะหัวใจล้มเหลว เมื่อวันที่ 23 เมษายน พ.ศ. 2550 อายุ 76 ปี


เขาถูกฝังในสุสานโนโวเดวิชีเมื่อวันที่ 25 เมษายน พ.ศ. 2550 เยลต์ซินเป็นประมุขแห่งรัฐรัสเซียคนแรก

ในรอบ 113 ปีที่ถูกฝังในพิธีในโบสถ์ ต่อจากจักรพรรดิอเล็กซานเดอร์ที่ 3


วลาดิเมียร์ ปูติน, บิล คลินตัน และจอร์จ เอช. ดับเบิลยู บุช ปรากฏตัวที่งานศพของเยลต์ซินประธานาธิบดี

ปูตินได้ประกาศให้วันงานศพของเขาเป็นวันไว้ทุกข์แห่งชาติ โดยลดธงชาติลงครึ่งเสา 


เขายังเป็นผู้นำคนแรกในประวัติศาสตร์รัสเซียและโซเวียตที่เสียชีวิตในวัยเกษียณ หลังจากโอนอำนาจ

อย่างสันติให้กับผู้สืบทอดของเขา


งานศพของเขาถ่ายทอดสดทางสถานีโทรทัศน์ของรัฐทุกแห่ง





วันเสาร์ที่ 6 พฤษภาคม พ.ศ. 2566

ปีเตอร์ ไชคอฟสกี คีตกวีรัสเซียแห่งยุคโรแมนติก Tchaikovsky

 


 ปีเตอร์ ไชคอฟสกี   Tchaikovsky

 ปีเตอร์ ไชคอฟสกี คีตกวีรัสเซียแห่งยุคโรแมนติก  Tchaikovsky

หากจะพูดถึง คีตกวีชื่อดัง นักประพันธ์เพลง เราอาจจะนึกถึง บีโธ่เฟ่น หรือ ว่า โมซาร์ท 

แต่ยังมีอีกคนชื่อดังมากที่เกิดในยุคหลังจากนั้นอย่าง ปิออตร์ อิลิช ไชคอฟสกี 

Pyotr Ilyich Tchaikovsky หรือ  ปีเตอร์ ไชคอฟสกี เราจะเรียกสั้นๆว่า ไชคอฟสกี ละกัน

เป็นคีตกวีชาวรัสเซียแห่งยุคโรแมนติก  คีตกวี, นักเปียโน, วาทยากร


เกิด 7 พฤษภาคม ค.ศ. 1840


Votkinsk, Russian Empire เขตข้าหลวงวยัตคา จักรวรรดิรัสเซีย


ไชคอฟสกี


เขาเป็นนักแต่งเพลงชาวรัสเซียคนแรกที่ดนตรีของเขาจะสร้างความประทับใจไม่รู้ลืม

ในระดับสากล ระดับโลก

ไชคอฟสกีได้ประพันธ์เพลงประกอบละครและคอนเสิร์ตที่ได้รับความนิยมมากที่สุด

ในละครคลาสสิก


ผลงานประพันธ์เพลงประกอบละครและคอนเสิร์ตรวมถึงบัลเลต์ 

ที่คุ้นเคยชื่อกันก็อย่างเช่น


- Swan Lake เป็นบัลเลต์ โอปุสที่ 20 โดยปิออตร์ อิลิช ไชคอฟสกี ที่แต่งขึ้นระหว่างปี 

ค.ศ. 1875-1876 เป็นหนึ่งในบัลเลต์ที่ได้รับความนิยมสูงสุดตลอดกาล


- The Nutcracker เดอะนัทแครกเกอร์  แต่งขึ้นในปี ค.ศ. 1892 โดยดัดแปลงจากเรื่อง 

The Nutcracker and the Mouse King ของอี. ที. เอ. ฮอฟมานน์ ( E. T. A. Hoffmann's )

เป็นผลงานประพันธ์ที่โด่งดังที่สุดชิ้นหนึ่งของเขา


- 1812 โอเวอร์เชอร์ 1812 Overture แต่งโดยไชคอฟสกี ในปี ค.ศ. 1880 เพื่อรำลึกถึง

ความสำเร็จในการป้องกันประเทศของรัสเซียจากการรุกราน Grande Armée ( ลากร็องด์อาเม ) 

ของนโปเลียนที่ 1 ในปี 1812ในยุทธการโบโรดิโน เป็นส่วนหนึ่งของการรุกรานรัสเซียของฝรั่งเศส

ในปี ค.ศ. 1812


- เปียโนคอนแชร์โตหมายเลข 1 Piano Concerto No. 1 in B-flat minor, Op. 23 เป็นหนึ่งใน

ผลงานที่มีชื่อเสียงที่สุดของไชคอฟสกี และเป็นเปียโนคอนแชร์โตชิ้นหนึ่งที่เป็นที่รู้จักกันดีที่สุด


- Violin Concerto ไวโอลินคอนแชร์โต  เป็นคอนแชร์โตเดี่ยวสำหรับไวโอลินที่แต่งโดย 

Pyotr Ilyich Tchaikovsky ประพันธ์ขึ้นในปี  1878 เป็นหนึ่งในไวโอลินคอนแชร์โตที่เป็น

ที่รู้จักมากที่สุด


- โรเมโอและจูเลียต บรรเลงด้วยวงออร์เคสตรา ของปิออตร์ อิลิช ไชคอฟสกี ดัดแปลงจาก

บทละครโศกนาฏกรรมโรเมโอและจูเลียตของวิลเลียม เชคสเปียร์  ไชคอฟสกีได้รับแรง

บันดาลใจอย่างมากจากเชกสเปียร์ และเขียนผลงานโดยอิงจาก The Tempest และ Hamlet

เช่นกัน


สร้างดนตรีสไตล์รัสเซีย ควบคุมท่วงทำนอง ความกลมกลืน และพื้นฐานอื่นๆ ของดนตรีรัสเซีย

สวนทางกับหลักการที่ควบคุมดนตรีของยุโรปตะวันตกอย่างสิ้นเชิงเพลงของเขายังคงได้รับ

ความนิยมในหมู่ผู้ฟัง ชาวยุโรปบางคนยกย่องไชคอฟสกีที่นำเสนอดนตรีที่มีสาระมากกว่า

ความแปลกใหม่พื้นฐาน และกล่าวว่าเขาก้าวข้ามแบบแผนของดนตรีคลาสสิกของรัสเซีย

กลายเป็นสิ่งที่โดดเด่นในรัสเซียในศตวรรษที่ 19 กลายเป็นที่รู้จักทั้งในและนอกรัสเซีย 

ในฐานะที่มีความสามารถทางดนตรีที่ยิ่งใหญ่ที่สุด


เขาสามารถเขียนงานที่มีทัศนคติและเทคนิคแบบตะวันตก นำเสนอเทคนิคที่หลากหลาย

และกว้างขวางตั้งแต่รูปแบบ "คลาสสิก" ไปจนถึงสไตล์ที่มีลักษณะเฉพาะของผู้รักชาติรัสเซีย


แม้จะมีความหลากหลายในการแต่งเพลง แต่มุมมองในดนตรีของไชคอฟสกีก็ยังคงความเป็น

รัสเซียเป็นหลัก เพลงที่เขาแต่งเป็นจุดเชื่อมระหว่างของ 2 วัฒนธรรมดนตรี แบบดนตรีตะวันตก

กับดนตรีรัสเซีย ที่มีการนำเสนอแบบร่วมสมัย  ทำให้งานของเขาเป็นที่นิยม ดนตรีของเขา

ดึงดูดใจสาธารณชนมาโดยตลอด อย่างไรก็ตาม เทคนิคระดับมืออาชีพและพลังในการควบคุม 

เพื่อถ่ายทอดอารมณ์ทางดนตรีของเขาทำให้ไชคอฟสกี ตระหนักถึงศักยภาพของเขาได้อย่าง

เต็มที่มากกว่านักแต่งเพลงชาวรัสเซียคนอื่นๆ ในยุคนั้น 


วันที่ 16/28 ตุลาคม 1893 ไชคอฟสกีจัดการแสดงรอบปฐมทัศน์ของซิมโฟนีที่หกของเขา

the Pathétique ในเซนต์ปีเตอร์สเบิร์ก เก้าวันต่อมา ในวันที่ 6 พฤศจิกายน ไชคอฟสกีเสียชีวิต

ที่นั่นด้วยวัย 53 ปี เขาถูกฝังในสุสาน Tikhvin ที่อาราม Alexander Nevsky ใกล้กับหลุมฝังศพ

ของเพื่อนนักแต่งเพลง Alexander Borodin, Mikhail Glinka และ Modest Mussorgsky; 

ต่อมา Nikolai Rimsky-Korsakov และ Mily Balakirev ก็ถูกฝังอยู่ในบริเวณใกล้เคียงเช่นกัน


การเสียชีวิตของไชคอฟสกีมีสาเหตุมาจากอหิวาตกโรค ซึ่งเกิดจากการดื่มน้ำที่ไม่ผ่านการต้ม

ในร้านอาหารในท้องถิ่น

อย่างไรก็ตาม ในทศวรรษที่ 1980 บางกระแสกล่าวว่าเขาถูกบังคับให้ดื่มยาพิษฆ่าตัวตาย 

เราไม่รู้ว่าไชคอฟสกีเสียชีวิตอย่างไรกันแน่ในความเป็นจริง


ไชคอฟสกีเป็นผู้บุกเบิกในหลายด้าน เขากลายเป็นนักแต่งเพลงชาวรัสเซียมืออาชีพคนแรก

มีเวลาและอิสระในการรวบรวมแนวทางการแต่งเพลงแบบตะวันตก เข้ากับเพลงพื้นบ้านของ

รัสเซียและองค์ประกอบทางดนตรีพื้นเมืองอื่นๆ หล่อหลอมสไตล์ที่เป็นต้นฉบับและเป็นตัวเอง

อย่างลึกซึ้ง นับว่าเป็นบุคคลสำคัญของโลกในด้านดนตรีที่รัสเซียมี


ไชคอฟสกีได้รับแรงบันดาลใจให้ไปไกลกว่ารัสเซียด้วยดนตรีของเขา เปิดรับดนตรีตะวันตก

ของเขา สนับสนุนให้เขาคิดว่ามันไม่ใช่แค่ของรัสเซียแต่รวมถึงโลกโดยรวมด้วย เป็นนัก

แต่งเพลงชาวรัสเซียคนแรกที่ทำเช่นนั้น เป็นนักแต่งเพลงชาวรัสเซียคนแรกที่รู้จักผู้ชม

ต่างประเทศเป็นการส่วนตัวด้วยผลงานของเขาเอง