หน้าเว็บ

วันพฤหัสบดีที่ 17 กรกฎาคม พ.ศ. 2568

สมเด็จพระจักรพรรดินีแคเธอรีนที่ 2 (Catherine the Great)

 


สมเด็จพระจักรพรรดินีแคเธอรีนที่ 2 (Catherine the Great)


สมเด็จพระจักรพรรดินีแคเธอรีนที่ 2 หรือที่รู้จักกันทั่วไปว่า แคเธอรีนมหาราช (Catherine the Great)

เป็นหนึ่งในพระมหากษัตริย์หญิงที่ทรงอิทธิพลและมีชื่อเสียงที่สุดในประวัติศาสตร์ยุโรป โดยเฉพาะในรัสเซีย


คุณพ่อ-คริสเตียน ออกัสต์ เจ้าชายแห่งอันฮัลต์-เซิร์บสต์ ( Christian August, Prince of Anhalt-Zerbst )

คุณแม่-โจอันนา เอลิซาเบธแห่งโฮลชไตน์-ก็อททอร์ป ( Joanna Elisabeth of Holstein-Gottorp )


พระนามเต็ม: เยกาเทรีนา อาเล็กเซเยฟนา (Yekaterina Alekseyevna)

พระราชสมภพ: 2 พฤษภาคม ค.ศ. 1729 ณ เมืองชเต็ตติน (ปัจจุบันคือ Szczecin ประเทศโปแลนด์)

พระราชสวรรคต: 17 พฤศจิกายน ค.ศ. 1796

พระสวามี: สมเด็จพระจักรพรรดิปีเตอร์ที่ 3 แห่งรัสเซีย

ขึ้นครองราชย์: ค.ศ. 1762 – 1796


แคเธอรีนมิได้เป็นชาวรัสเซียโดยกำเนิด แต่เป็นเจ้าหญิงเยอรมัน

หลังจากสมรสกับปีเตอร์ที่ 3 เธอได้มีบทบาททางการเมืองมากขึ้น

ปีเตอร์ที่ 3 ถูกโค่นล้มจากราชบัลลังก์โดยรัฐประหาร ซึ่งแคเธอรีนมีส่วนร่วมอย่างสำคัญ

เธอจึงขึ้นครองราชย์แทน และกลายเป็นจักรพรรดินีแห่งรัสเซีย

หลังจากทรงโค่นล้มพระสวามี พระเจ้าปีเตอร์ที่ 3 ด้วยการรัฐประหาร 

พระองค์ได้ขึ้นครองราชย์เป็นจักรพรรดินีรัสเซีย และทรงเป็นพระมหากษัตริย์

ที่ครองราชย์ยาวนานที่สุดในประวัติศาสตร์จักรวรรดิรัสเซีย โดยครองราชย์นานถึง 34 ปี


ผลงานและการปฏิรูป


ส่งเสริม การศึกษา, ศิลปะ, และ ปรัชญาแห่งยุคแสงสว่าง (Enlightenment)

ขยายอาณาเขตของรัสเซียอย่างมาก โดยเฉพาะทางตอนใต้และตะวันตก

ปฏิรูปการบริหารราชการแผ่นดินและกฎหมาย

สนับสนุนการตั้งหอสมุดและพิพิธภัณฑ์ เช่น Hermitage Museum ในเซนต์ปีเตอร์สเบิร์ก


เป็นผู้หญิงที่มีสติปัญญาเฉียบแหลมและมีความทะเยอทะยาน

มีความสัมพันธ์กับนักปรัชญาชื่อดัง เช่น วอลแตร์ (Voltaire) และดีเดอโรต์ (Diderot)

แม้จะมีข่าวลือและเรื่องเล่ามากมายเกี่ยวกับชีวิตส่วนตัวของเธอ 

แต่เธอก็ได้รับการยกย่องว่าเป็นหนึ่งในผู้นำที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของรัสเซีย



พระองค์ทรงเป็นผู้นำที่มีวิสัยทัศน์และมีบทบาทสำคัญในการปฏิรูปรัสเซีย

ให้ทันสมัยขึ้นในหลายด้าน โดยเฉพาะในยุคแห่งแสงสว่าง (Age of Enlightenment) 

ซึ่งแนวคิดจากยุโรปตะวันตกมีอิทธิพลต่อพระองค์อย่างมาก


ส่งเสริมการศึกษาโดยก่อตั้งโรงเรียนและมหาวิทยาลัย

สนับสนุนการแปลหนังสือจากภาษาต่างประเทศเป็นภาษารัสเซีย



พยายามร่างกฎหมายใหม่ที่มีพื้นฐานจากหลักเหตุผลและความยุติธรรม

จัดประชุม "Legislative Commission" ในปี 1767 เพื่อรวบรวมความคิดเห็นจากชนชั้นต่าง ๆ

แม้จะไม่สามารถออกกฎหมายใหม่ได้ทั้งหมด แต่ก็เป็นจุดเริ่มต้นของการปฏิรูปกฎหมายในรัสเซีย


ปรับปรุงระบบการบริหารราชการ โดยแบ่งเขตการปกครองใหม่ให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น

เพิ่มอำนาจให้ขุนนางในการปกครองท้องถิ่น เพื่อแลกกับความจงรักภักดี


สนับสนุนการพัฒนาเกษตรกรรมและอุตสาหกรรม

ส่งเสริมการตั้งนิคมใหม่ในดินแดนที่เพิ่งยึดมา เช่น ยูเครนและแคว้นโวลก้า


ขยายอาณาเขตของรัสเซียอย่างมาก โดยเฉพาะในแถบทะเลดำและโปแลนด์

ทำให้รัสเซียกลายเป็นมหาอำนาจในยุโรป


แม้แคเธอรีนจะมีแนวคิดก้าวหน้า แต่พระองค์ก็ยังคงรักษาระบบชนชั้นและทาสไว้ 

ซึ่งเป็นข้อขัดแย้งกับแนวคิดเสรีนิยมที่พระองค์สนับสนุนในบางด้าน


การขยายอาณาเขตมีความสำคัญต่อรัสเซียในหลายมิติ ทั้งด้านภูมิรัฐศาสตร์ 

เศรษฐกิจ ความมั่นคง และอัตลักษณ์ทางประวัติศาสตร์และวัฒนธรรม


เพิ่มอิทธิพลในภูมิภาค: การขยายอาณาเขตช่วยให้รัสเซียมีอำนาจควบคุมพื้นที่ยุทธศาสตร์ 

เช่น คาบสมุทรไครเมียที่มีฐานทัพเรือสำคัญในทะเลดำ


ควบคุมทรัพยากรธรรมชาติ: พื้นที่ใหม่อาจมีแหล่งพลังงาน เช่น น้ำมัน ก๊าซธรรมชาติ 

หรือแร่ธาตุ ซึ่งเป็นหัวใจของเศรษฐกิจรัสเซีย


เส้นทางการค้าและโลจิสติกส์: การควบคุมพื้นที่ชายฝั่งหรือเส้นทางคมนาคมสำคัญ

ช่วยให้รัสเซียมีอำนาจต่อรองทางเศรษฐกิจมากขึ้น


ภายใต้การปกครองของพระองค์ รัสเซียได้ฟื้นฟูประเทศ บรรลุจุดสูงสุดทางประวัติศาสตร์ 

และกลายเป็นมหาอำนาจยุโรป


รัชสมัยของพระนางแคทเธอรีนเป็นที่รู้จักกันในชื่อ "ยุคแคทเธอรีน"

พระนางแคทเธอรีนทรงส่งเสริมการก่อสร้างอาคารของชนชั้นสูงแบบคลาสสิกหลายแห่ง 

ซึ่งได้เปลี่ยนโฉมหน้าของรัสเซีย พระนางทรงสนับสนุนแนวคิดของยุคเรืองปัญญา * Age of Enlightenment

อย่างกระตือรือร้น จนได้รับสมญานามว่าทรราชผู้รู้แจ้ง


พระนางแคทเธอรีนยังทรงสนับสนุนศิลปะและส่งเสริมการพัฒนาของยุคเรืองปัญญา

ของรัสเซียอีกด้วย Smolny Palace ที่ก่อตั้งขึ้นในช่วงเวลานี้ถือเป็นสถาบันอุดมศึกษา

สำหรับสตรีที่ได้รับทุนจากรัฐแห่งแรกในยุโรป


สถาบัน Smolny มีบทบาทสำคัญในประวัติศาสตร์รัสเซียโดยเฉพาะอย่างยิ่ง

ในฐานะศูนย์กลางการศึกษาของสตรี และเป็นสำนักงานใหญ่ของพวกบอลเชวิก

ในช่วงต้นของ การ ปฏิวัติ เดือนตุลาคม


รัชสมัยของพระนางแคทเธอรีนเต็มไปด้วยความสำเร็จส่วนพระองค์มากมาย


ในวันที่ 16 พฤศจิกายน ตามปฎิทินเก่า: 5 พฤศจิกายน ค.ศ. 1796 

หลังเวลา 9.00 น. ไม่นานนัก เธอก็ถูกพบนอนอยู่บนพื้น ใบหน้าเป็นสีม่วง 

ชีพจรเต้นอ่อน หายใจตื้น และหายใจลำบาก

แพทย์ประจำราชสำนักวินิจฉัยว่าเป็นโรคหลอดเลือดสมอง

และแม้จะมีความพยายามช่วยชีวิตเธอ แต่เธอก็ตกอยู่ในอาการโคม่า

แม้ว่าจะพยายามประคองพระอาการไว้แค่ไหนก็ตาม

เสด็จสวรรคตในเวลาประมาณ 21:45 นาฬิกาของวันนั้น 

การชันสูตรพลิกศพยืนยันว่าโรคหลอดเลือดสมองเป็นสาเหตุของการเสียชีวิต


มีข่าวลือแพร่สะพัดเกี่ยวกับสาเหตุและลักษณะการตายของเธอ 

ข่าวลือที่โด่งดังที่สุดคือข่าวลือว่าเธอเสียชีวิตหลังจากร่วมประเวณีกับม้า 

ข่าวลือนี้ถูกเผยแพร่อย่างกว้างขวางในสื่อสิ่งพิมพ์เสียดสีทั้งของอังกฤษ

และฝรั่งเศสในช่วงเวลาที่เธอเสียชีวิต

ซึ่งเรื่องนี้ถูกกล่าวซ้ำในวรรณกรรมต่อต้านรัสเซียตลอดศตวรรษที่ 17 และ 18



จักรพรรดิปัฟเวลที่ 1 เปโตรวิช Paul I of Russia ( Pavel I Petrovich )  

ขึ้นสืบราชสมบัติต่อจากพระราชมาดา 





ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น