สมเด็จพระราชาธิบดีเฟอร์ดินานด์ที่ 1 แห่งโรมาเนีย (Ferdinand I of Romania)
สมเด็จพระราชาธิบดีเฟอร์ดินานด์ที่ 1 แห่งโรมาเนีย (Ferdinand I of Romania)
ทรงเป็นพระมหากษัตริย์แห่งราชอาณาจักรโรมาเนียระหว่างปี ค.ศ. 1914 ถึง 1927
และเป็นหนึ่งในบุคคลสำคัญที่มีบทบาทอย่างมากในการรวมชาติและพัฒนาโรมาเนีย
ในช่วงสงครามโลกครั้งที่หนึ่ง
🏰 พระราชประวัติ
พระราชสมภพ: 24 สิงหาคม ค.ศ. 1865 ณ เมืองซิกมาริงเงิน ประเทศเยอรมนี
ราชวงศ์: โฮเอินท์ซ็อลเลิร์น-ซีคมาริงเงิน
พระราชบิดา: เจ้าชายลีโอพ็อลท์แห่งโฮเอินท์ซ็อลเลิร์น
พระราชมารดา: อินฟันตาอังตอนีอาแห่งโปรตุเกส
คู่อภิเษก: เจ้าหญิงมารีแห่งเอดินบะระ (พระราชธิดาของเจ้าชายอัลเฟรด ดยุกแห่งเอดินบะระ)
🛡️ พระราชกรณียกิจสำคัญ
ทรงนำโรมาเนียเข้าร่วมฝ่ายสัมพันธมิตรในสงครามโลกครั้งที่หนึ่ง
ทรงมีบทบาทสำคัญในการรวมดินแดนทรานซิลเวเนีย, เบสซาราเบีย และบูโควินา เข้ากับโรมาเนีย
ทรงได้รับการขนานนามว่า “Ferdinand the Loyal” เนื่องจากทรงยึดมั่นในคำมั่นสัญญาต่อพันธมิตร
แม้ราชวงศ์ของพระองค์จะมีสายสัมพันธ์กับเยอรมนี
พระเจ้าเฟอร์ดินานด์ที่ 1 แห่งโรมาเนียทรงมีบทบาทสำคัญอย่างยิ่งในสงครามโลกครั้งที่หนึ่ง
โดยเฉพาะในด้านการตัดสินใจเชิงยุทธศาสตร์และการนำพาประเทศเข้าสู่สงครามในช่วงเวลาสำคัญ
ของประวัติศาสตร์ยุโรป
บทบาทของพระองค์ในสงครามโลกครั้งที่หนึ่ง
การเข้าร่วมฝ่ายสัมพันธมิตร: แม้พระองค์จะทรงมีเชื้อสายเยอรมันจากราชวงศ์โฮเอินท์ซ็อลเลิร์น
แต่พระองค์ทรงตัดสินใจนำโรมาเนียเข้าร่วมกับฝ่ายสัมพันธมิตร (อังกฤษ ฝรั่งเศส รัสเซีย)
ในปี ค.ศ. 1916 เพื่อแลกกับคำมั่นว่าจะได้รับดินแดนทรานซิลเวเนีย ซึ่งขณะนั้นอยู่ภายใต้
การปกครองของออสเตรีย-ฮังการี.
การทรงงานเพื่อรวมชาติ: พระราชาเฟอร์ดินานด์ทรงเห็นโอกาสในการรวมดินแดนที่มีชาวโรมาเนียอาศัยอยู่
เช่น เบสซาราเบีย, บูโควินา และทรานซิลเวเนีย เข้ากับราชอาณาจักรโรมาเนีย ซึ่งกลายเป็นจริง
หลังสงครามสิ้นสุดในปี ค.ศ. 1918.
พระราชดำริที่กล้าหาญ: การตัดสินใจเข้าร่วมสงครามกับฝ่ายตรงข้ามของประเทศต้นกำเนิดของพระองค์ (เยอรมนี)
ทำให้พระองค์ได้รับสมญานามว่า “Ferdinand the Loyal” เนื่องจากทรงยึดมั่นในคำมั่นสัญญาต่อพันธมิตร
แม้จะขัดแย้งกับสายเลือดของพระองค์เอง.
การสนับสนุนกองทัพ: แม้พระองค์จะไม่ได้ทรงบัญชาการรบโดยตรง แต่พระองค์ทรงมีบทบาทในการ
สนับสนุนกองทัพและการจัดการภายในประเทศเพื่อให้พร้อมรับมือกับสงคราม
หลังสงครามสิ้นสุด โรมาเนียได้รับดินแดนเพิ่มขึ้นอย่างมาก และกลายเป็น “Greater Romania”
ซึ่งเป็นช่วงเวลาที่ถือว่าเป็นยุคทองของการรวมชาติและความเจริญรุ่งเรืองทางวัฒนธรรมและการเมืองของประเทศ
การรวมชาติของโรมาเนียหลังสงครามโลกครั้งที่หนึ่งในปี ค.ศ. 1918 ถือเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญที่นำไปสู่การก่อตั้ง
"Greater Romania" ซึ่งเป็นช่วงเวลาที่โรมาเนียมีอาณาเขตกว้างใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์
และส่งผลกระทบทั้งในด้านการเมือง เศรษฐกิจ และสังคมอย่างลึกซึ้ง
1. การขยายอาณาเขต
โรมาเนียได้รับดินแดนใหม่ ได้แก่ ทรานซิลเวเนีย, เบสซาราเบีย, และ บูโควินา ซึ่งเคยอยู่
ภายใต้การปกครองของออสเตรีย-ฮังการีและรัสเซียการรวมดินแดนเหล่านี้ทำให้โรมาเนีย
มีประชากรหลากหลายเชื้อชาติ เช่น ฮังการี, ยูเครน, เยอรมัน และยิว
2. การเปลี่ยนแปลงทางการเมือง
ต้องจัดระบบการปกครองใหม่เพื่อรวมดินแดนที่มีประวัติศาสตร์และกฎหมายต่างกัน
เกิดความตึงเครียดระหว่างกลุ่มชาติพันธุ์ต่าง ๆ โดยเฉพาะในทรานซิลเวเนียที่มีชาวฮังการีจำนวนมาก
3. การพัฒนาเศรษฐกิจ
ดินแดนใหม่มีทรัพยากรธรรมชาติและพื้นที่เกษตรกรรมที่อุดมสมบูรณ์
แต่การรวมเศรษฐกิจที่แตกต่างกันเข้าด้วยกันต้องใช้เวลาและการปรับตัวอย่างมาก
4. การสร้างอัตลักษณ์ชาติ
รัฐบาลพยายามส่งเสริมความเป็น “โรมาเนีย” ผ่านการศึกษา ภาษา และวัฒนธรรม
นำไปสู่ความขัดแย้งกับกลุ่มชนกลุ่มน้อยที่รู้สึกถูกกดทับทางวัฒนธรรม
5. การเปลี่ยนแปลงในเวทีระหว่างประเทศ
โรมาเนียกลายเป็นประเทศที่มีอิทธิพลมากขึ้นในยุโรปตะวันออก
ได้รับการยอมรับจากมหาอำนาจในสนธิสัญญาสันติภาพ เช่น สนธิสัญญาทรีอานง (Trianon Treaty)
ในช่วงหลายปีหลังสงครามโลกครั้งที่ 1 โรมาเนียได้เผชิญกับการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่หลายครั้ง
โดยเฉพาะอย่างยิ่งผ่านการปฏิรูปที่ดินและสิทธิในการออกเสียงเลือกตั้งทั่วไป ในปี ค.ศ. 1925
เจ้าชายคาโรล พระโอรสองค์โตของพระเจ้าเฟอร์ดินานด์ ได้ทรงสละสิทธิในราชบัลลังก์โรมาเนีย
ซึ่งก่อให้เกิดวิกฤตการณ์ทางราชวงศ์ พระเจ้าเฟอร์ดินานด์ทรงขับไล่พระเจ้าคาร์โรลออกจากราชวงศ์โรมาเนีย
และทรงแต่งตั้งพระราชโอรส คือ ไมเคิล ขึ้นเป็นมกุฎราชกุมาร สภาผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์
ซึ่งประกอบด้วย เจ้าชายนิโคไล พระสังฆราชมิรอน คริสเตียแห่งโรมาเนีย และประธานศาลฎีกา จอร์จี บุซดูกัน
เมื่อวันที่ 20 กรกฎาคม ค.ศ. 1927 พระเจ้าเฟอร์ดินานด์ที่ 1 สิ้นพระชนม์ด้วยโรคมะเร็งลำไส้ใหญ่
ที่เมืองซินายา ขณะมีพระชนมายุ 61 พรรษา พระองค์ทรงถูกฝังที่มหาวิหารคูร์เทีย
พระราชนัดดาองค์โตของพระองค์ คือ มิคาเอลที่ 1 ได้ขึ้นครองราชย์แทนพระองค์