จักรพรรดิหย่งเล่อ Yongle
จักรพรรดิหย่งเล่อ Yongle
ประสูติ 2 พฤษภาคม 1360 ถึง 12 สิงหาคม 1424
เป็นจักรพรรดิองค์ที่สามของราชวงศ์หมิงของจีน เป็นพระราชโอรสลำดับที่ 4 ของจักรพรรดิหงอู่
จักรพรรดิผู้ก่อตั้งราชวงศ์หมิง จักรพรรดิหย่งเล่อถือเป็นผู้ปกครองที่สำคัญที่สุดของราชวงศ์หมิง
และเป็นหนึ่งในจักรพรรดิที่โดดเด่นที่สุดในประวัติศาสตร์จีน เหมือนกับ จิ๋นซีฮ่องเต้
สานต่อนโยบายการรวมศูนย์อำนาจของบิดา เสริมความแข็งแกร่งให้กับของจักรวรรดิ
- ก่อตั้งเมืองหลวงแห่งใหม่ ปักกิ่ง
- ดำเนินนโยบายต่างประเทศที่กว้างขวางและดำเนินการสงคราม ขนาดใหญ่หลายครั้งเพื่อต่อต้านชาวมองโกล
- ทำสงครามในการขยายอิทธิพลของหมิง เพื่อที่จะเสริมสร้างอิทธิพลของเขาในเอเชียตะวันออกและใต้
- สร้างกองเรือขนาดใหญ่และมอบหมายให้พลเรือเอกเจิ้ง เหอ ดำเนินการทางการฑูต สำรวจเส้นทางและค้าขาย
- เดิมคือชือว่า องชายจูตี้ ตอนประสูตินั้นนางสนมกงแม่แท้ๆ ตาย ทำให้จักรพรรดินีหม่ารับเลี้ยงดูแทน
- อายุ 10 ขวบได้รับบรรดาศักดิ์ให้เป็นเจ้าชายแห่งหยาน ซึ่งมีที่มั่นในการควบคุมอยู่ทางภาคเหนือของจีน
ตรงปักกิ่ง ถือว่าเป็นเจ้าชายแห่งภาคเหนือ
- อายุได้16 เข้าอภิเษกกับ ท่านหญิงสวี ลูกสาวของนายพล สวีต๋า แม่ทัพที่มีบทบาทสำคัญในการ
ก่อตั้งราชวงศ์หมิง
- เป็นที่โปรดปรานของฮ่องเต้ จักรพรรดิหงอู่ เป็นอย่างมากเนื่องจากเป็นคนเฉลียวฉลาด เรียนรู้ไว
ร่างกายแข็งแรงมีความกระตือรือร้น
- สู้ศึกต่อต้านมองโกลประสบความสำเร็จอยู่หลายครั้ง เนื่องจากมีแม่ทัพชั้นยอดอย่างพ่อตาตัวเอง
คอยสอนเรื่องการสงครามทำให้ความเชี่ยวชาญด้านการสงครามเป็นอย่างมาก
- ได้ทำการพัฒนาเมืองให้เป็นฐานทัพหลักของภาคเหนือ ประสบความสำเร็จในการต่อต้านพวกมองโกล
ตามแนวชายแดนหลายครั้ง
- ปี 1392 มกุฎราชกุมาร จู เปียว พี่ชายตาย เป็นพระราชโอรสองค์ใหญ่ของ จักรพรรดิ และรัชทายาท
องค์แรกแห่งราชวงศ์หมิง และพี่ชายคนอื่นๆ ในเวลาต่อมาก็สิ้นชีวิตดังนั้นเจ้าชายจึงมีความหวังสูง
ที่จะสืบทอดตำแหน่งจักรพรรดิ หงอู่ (จูหยวนจาง)แต่เรื่องราวตรงกันข้ามกับความคาดหวังของเขา
พ่อของเขาเลือกจู หยุนเหวิน หลานชายของเขา ขึ้นแทน
- ในปี 1398 จักรพรรดิ หงอู่ สิ้นพระชนม์และหลานชายของเขาขึ้นครองบัลลังก์มังกรในฐานะ จักรพรรดิเจี้ยนเหวิน
- จักรพรรดิเจี้ยนเหวิน ทรงห้ามไม่ให้อาเข้าร่วมพิธีศพของบิดาในเมืองนานกิง เนื่องจากอำนาจทาง
ทหารมากเกินไป ( กลัวโดนอาทุบ )
- จักรพรรดิเจี้ยนเหวิน และที่ปรึกษาของเขาพยายามปฏิรูประบบจักรพรรดิและลดอำนาจของเจ้าชายลง
( มีมากเกินไป อันตราย )
- ในปี ค.ศ. 1399 องชายค์ จูตี้ ได้ประกาศสงครามกับนานกิง จักรพรรดิเจี้ยนเหวิน หลานชายของตัวเองเลย
- ช่วงแรกนั้นฝั่งนานกิง ได้เปรียบอย่างมากเพราะมีทั้งทหารที่มากกว่า และเงินให้ใช้เสบียงมีมากกว่าฝั่ง องค์ชายจูตี้
- ต่อมาคือ ใช้กองทักม้าจากมองโกล ที่เข้ามาสวามิภักดิ์ตั้งแต่ตอนปราบปรามเผ่ามองโกลมาหลายครั้ง
ซึ่งแน่นอนว่ากองทัพม้าเหล่านี้สามารถเอาชนะกองทักของนานกิงได้โดนง่าย
- ออกรบเองทำให้ขวัญทหารดี ผิดกับ จักรพรรดิเจี้ยนเหวินที่อยู่แต่ในวังนานกิง
- ฝั่งหลานจากได้เปรียบ กลายเป็นสู้อาไม่ได้ แถมมีคนแปรพักต์ เปิดประตูเมืองให้กองทัพอา
ฝั่งหลานเลยเผาวังที่นานกิงทิ้ง
- อาก็ชนะสงครามกลางเมือง เสด็จขึ้นครองราชย์เมื่อวันที่ 17 กรกฎาคม ค.ศ. 1402 ขณะมีพระชนมายุ
42 พรรษา เป็น จักรพรรดิหย่งเล่อ จักรพรรดิองค์ที่ 3 แห่งราชวงศ์หมิง
- ได้อำนาจแล้วก็จัดการพวกขุนนางหรือกำลังของฝั่งตรงข้ามที่เป็นคนเก่าของหลานชายหมด
ประหารหลาน และเหลนตัวเอง ที่เป็นพี่น้องและลูกของ จักรพรรดิเจี้ยนเหวิน โดยไม่มีข้อยกเว้น
- ประชาชนประมาณ 20,000 คนตกเป็นเหยื่อของการกวาดล้างในเมืองหลวง เป็นจุดนนองเลือดของ
รัชสมัยเลยทีเดียว แต่ก็ถือเป็นยุคทองของการรวมอำนาจ
- ความมั่งคั่งที่เพิ่มขึ้นและความมั่นคงภายใน และเป็นยุคที่จัดการโดยผู้มีความสามารถ
- ก่อสร้างหอสักการะฟ้า ตั้งอยู่ในกรุงปักกิ่ง หอนี้ได้รับลงทะเบียนเป็นมรดกโลกอีกด้วย
- เจริญความสัมพันธ์กับทิเบตส่งสาส์น ของขวัญ และทูตไปยังทิเบต และเรื่องเกี่ยวกับศาสนาพุทธ
- ย้ายเมืองหลวงไปทางเหนือจากนานกิง ไปอยู่ที่ปักกิ่ง เป็นจุดเริ่มต้นของพระราชวังต้องห้าม นั่นเอง
- จักรพรรดิหย่งเล่อได้วางแผนระยะยาวและครอบคลุมเพื่อเสริมสร้างและเสถียรภาพให้กับเศรษฐกิจใหม่
เพิ่มการผลิตสิ่งทอและการเกษตรให้ได้สูงสุด
- ถอดเจ้าหน้าที่ที่ทุจริตออก ทำลายสมาคมลับ กลุ่มโจร
- บูรณะคลองใหญ่ (เชื่อมต่อกับแม่น้ำไห่เหอ, แม่น้ำหวง, แม่น้ำฮวย, แม่น้ำแยงซี, แม่น้ำเฉียนถัง)
คลองขุดแรงงานมนุษย์ที่มีความยาวที่สุดในโลกใหม่เกือบทั้งหมด เผื่อใช้ขนส่งพืชผลทางการเกษตร
และใช้เพาะปลูก
- ส่งเสริมลัทธิขงจื๊อ รักษาพิธีกรรมแบบดั้งเดิม และเคารพวัฒนธรรม ซ่อมแซมวัดและอารามลัทธิเต๋าจำนวนมาก
- ในรัชสมัยของพระองค์ วัดพุทธและเต๋าหลายแห่งถูกสร้างขึ้น
- ห้ามมิให้มีการใช้ชื่อ นิสัย ภาษา และเครื่องแต่งกายของชาวมองโกลพยายามกำจัดอิทธิพลหยวนจากจีน
สนับสนุนมัสยิดในหนานจิงและซีอาน การซ่อมแซมมัสยิดได้รับการสนับสนุนและห้ามการแปลงไปใช้อย่างอื่น
- เขียนสารานุกรมหย่งเล่อ ซึ่งเป็นการรวบรวมอารยธรรมจีน สร้างเสร็จในปี ค.ศ. 1408 เป็นสารานุกรม
ทั่วไปที่ใหญ่ที่สุดในโลก ในขณะนั้น
- ชนะสงครามกับพวกมองโกล บดขยี้เศษซากของราชวงศ์หยวนที่หนีไปทางเหนือ
- พิชิตเวียดนาม ส่งกองทัพสองกองทัพ รบกับเวียด เวียดนามถูกรวมเป็นมณฑลหนึ่งของจีน
- ขยายอิทธิพลของจีนไปทั่วโลก จักรพรรดิหย่งเล่อได้สนับสนุนการเดินทางที่นำโดยพลเรือเอกเจิ้งเหอ
ในขณะที่เรือของจีนยังคงเดินทางไปยังญี่ปุ่น ริวกิว และสถานที่หลายแห่งในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้
การเดินทางของเจิ้งเหอเป็นการสำรวจทางทะเลที่สำคัญเพียงแห่งเดียวของจีน แอฟริกา และอียิปต์
ตั้งแต่ราชวงศ์ถัง
- จักรพรรดิหย่งเล่อสิ้นพระชนม์ด้วยพระชนมายุ 64 พรรษา เมื่อวันที่ 12 สิงหาคม ค.ศ. 1424 ระหว่าง
การสงครามครั้งสุดท้ายกับพวกมองโกลใน ทะเลทรายโกบีเพื่อไล่ล่ากองทัพของโออิรัตที่หลบหนี
มีอาการเส้นเลือดในสมองตีบเล็กน้อยหลายครั้งก่อนออกทำศึก จากนั้นก็ทรงประชวร อาจเนื่อง
มาจาก พระโลหิตในสมองแตกหลายครั้ง เมื่อวันที่ 12 สิงหาคม ค.ศ. 1424 จักรพรรดิหย่งเล่อเสด็จ
สวรรคต เขาถูกฝังอยู่ในฉางหลิง มอบบัลลังก์ให้กับองค์รัชทายาท
- จักรพรรดิหย่งเล่อได้รับการยกย่องว่าเป็นผู้แสวงหาเกียรติยศ อำนาจ และความมั่งคั่งมาตลอดชีวิต
ทำงานอย่างหนักเพื่อรักษาวัฒนธรรมจีน อุปถัมภ์วัฒนธรรมมองโกลและทิเบตด้วย รักษาความสำเร็จ
ของบิดาไว้ ปฏิรูปเศรษฐกิจ การศึกษา และการทหาร การทูจ การสำรวจ เป็นผู้ปกครองที่มีอิทธิพล
ในประวัติศาสตร์จีน แม้จะถูกครหาในเรื่องการฆ่าผู้นฝั่งตรงข้ามไปถึงการนองเลือด หรือ การเป็น
เผด็จการในรัชสมัย แต่ก็ยังถูกยกย่องเป็นส่วนสำคัญ บุคคลสำคัญในการพัฒนาของจีนในช่วง
ราชวงศ์หมิง และประวัติศาสตร์สำคัญของจีน