วาสโก ดา กาม่า Vasco da Gama ( ผู้เดินทางสู่อินเดีย)
วาสโก ดา กาม่า Vasco da Gama ( ผู้เดินทางสู่อินเดีย)
วาสโก ดา กาม่า Vasco da Gama / วัชกู ดา กามา เป็นนักเดินเรือสำรวจชาวโปรตุเกส เกิดที่เมืองซีนึช
แคว้นอาเลงเตฌู ประเทศโปรตุเกส
บุคคลสำคัญที่ สร้างประวัติศาสตร์ด้วยการค้บพบเส้นทางการเดินเรือจากยุโรปสู่อินเดียโดยเริ่มจาก
กรุงลิสบอน เป็นเมืองหลวงและเมืองใหญ่ที่สุดของประเทศโปรตุเกส ที่ตั้งอยู่ทิศตะวันตกของประเทศ
ริมชายฝั่งมหาสมุทรแอตแลนติกของคาบสมุทรไอบีเรียไปจนถึง ชายฝั่งมะละบาร์ ตะวันตกเฉียงใต้
ของอินเดีย เป็นแนวชายฝั่งทะเลยาวและแคบทางตะวันตกเฉียงใต้ของประเทศอินเดีย บริเวณที่ราบ
รัฐเกรละและรัฐกรณาฏกะ ระหว่างเทือกเขาฆาฏตะวันตก กับทะเลอาหรับ โดยแล่นเรืออ้อมผ่านแหลม
กู๊ดโฮป ทางตอนใต้ของแอฟริกาซึ่งบาร์ตูลูเมว ดีอัช (Bartolomeu Dias) เป็นผู้ค้นพบเมื่อ 1524
ถ้าจะกล่าวว่ามีนักสำรวจ ที่ยิ่งใหญ่อย่าง โคลัมบัส วาสโก ดา กาม่า ก็ถือเป็นนักสำรวจที่ไม่ยิ่งหย่อน
ไปกว่ากันที่สามารถเปิดเส้นทางทำให้ เอเชีย อินเดียติดต่อกับ ยุโรปได้ง่ายขึ้น
1. วาสโก ดา กาม่า เกิดปี. 1460, Sines, โปรตุเกส
2. วาสโก ดา กาม่า เป็นบุตรชายคนที่สามของ Estêvão da Gama ขุนนางประจำจังหวัดรองซึ่งเป็น
ผู้บัญชาการป้อมปราการ Sines ทางตะวันตกเฉียงใต้ของโปรตุเกส
3. ในปี ค.ศ. 1492 พระเจ้าจอห์นที่ 2 แห่งโปรตุเกสส่ง วาสโก ดา กาม่า ยึดเรือฝรั่งเศสเพื่อตอบโต้
การปราบปรามเรือเดินสมุทรของโปรตุเกสซึ่งเป็นงานที่ วาสโก ดา กาม่า มาอย่างรวดเร็วและ
มีประสิทธิภาพ
4. ในปี ค.ศ. 1495 กษัตริย์มานูเอลเสด็จขึ้นสู่บัลลังก์ พระองค์ได้ให้ ดา กาม่า เข้ามาใช้งานชุปเลี้ยง
และต้องการที่จะส่งกองเรือไปยังอินเดีย เพื่อเปิดเส้นทางการค้าไปยังเอเชีย และเพื่อล้อมชาวมุสลิม
อาหรับที่ก่อนนี้เคยชอบผูกขาดการค้ากับอินเดียและรัฐทางตะวันออกอื่นๆ
5. วาสโก ดา กาม่า ได้รับการหน้าที่นี้ ด้วยการเป็นผู้นำการสำรวจแม้เขาจะยังไม่มีประสบการณ์
มากมายนักก็ตาม
6. วันที่ 8 กรกฎาคม ค.ศ. 1497 ด้วยกองเรือสี่ลำ พาหนะบกมากมายรวมถึงล่ามที่พูดอาหรับได้อีก 2 คน
และพูดภาษาบันตูได้หลายภาษาอีก1 ภาษาบันตูคือ ภาษาของลุ่มชาติพันธุ์ ที่แตกต่างกันประมาณ
400 กลุ่มซึ่งพูดภาษาบันตู มีถิ่นกำเนิดใน 24 ประเทศ(ของปัจจุบัน)แผ่กระจายไปทั่วพื้นที่กว้างใหญ่
ตั้งแต่แอฟริกากลางไปจนถึงแอฟริกาตะวันออกเฉียงใต้และแอฟริกาตอนใต้
7. วาสโก ดา กาม่า เดินทางผ่านหลายที่ทั้ง หมู่เกาะคะเนรี (กานาเรียส) เซาติอาโก (ซันติอาโก)
ในหมู่เกาะเคปเวิร์ด อ่าวกินี พยายามจะอ้อมแหลมกู๊ดโฮป กองเรือไปถึงอ่าวซานตาเฮเลนา
(ในแอฟริกาใต้ในปัจจุบัน) แต่ด้วยลมไม่อำนวยทำให้เดินทางได้ล่าช้า ต่อมาจึงได้มาทอดสมออยู่ที่
อ่าวมอสเซล และมาต่อที่โมซัมบิก เขาพักอยู่ 1 เดือนเพื่อซ่อมเรือ ลูกเรือที่มาด้วยก็มีอาการป่วย
เนื่องจากเลือดออกตามไรฟัน
8. เดินทางไปถึงมอมบาซา (ปัจจุบันอยู่ในเคนยา) โดยการนำทางของชาวคุชราฏ (เป็นรัฐบนชายฝั่ง
ตะวันตกของประเทศอินเดีย) ทำให้เขา ข้ามมหาสมุทรอินเดียมา23 วัน ได้เจอกับเทือกเขาฆาฏ
ของอินเดีย และโคชิโคด หรือ กาลิกัต เป็นเมืองที่ตั้งอยู่ทางตอนใต้ในรัฐเกรละของประเทศอินเดีย
9. หลังจากได้เข้ามาที่อินเดียเขาได้สร้าง padrão คือเป็นเสาหินที่นักสำรวจทางทะเลชาวโปรตุเกสทิ้งไว้
ในศตวรรษที่ 15 - 16 เพื่อบันทึกแผ่นดินใหญ่ที่สำคัญ เหมือนหลักที่ว่า ชาวโปรตุเกสได้มาสร้างหลักฐาน
ไว้ว่าเคยมาที่นี่แล้ว มักจะถูกวางไว้บนแหลมและแหลมหรือที่ปากแม่น้ำสายสำคัญ เครื่องหมายในช่วงต้น
เป็นเสาไม้หรือไม้กางเขนที่เรียบง่าย ซึ่ง วาสโก ดา กาม่า ได้สร้างไว้ระหว่างทางมาอินเดีย และที่อินเดีย
เพื่อพิสูจน์ว่าเขามาถึงอินเดียแล้ว
10. โดยมี Zamorin ผู้ปกครองของอาณาจักรชาวฮินดูนั้นถูกปัดทิ้งเพราะว่า สิ่งที่ ดา กาม่า นำมาเป็น
ของขวัญนั้นไม่มีค่าพอที่นี่ มันอาจจะดูดีใน แอฟริกาตะวันตกแต่แทบไม่เป็นที่ต้องการในอินเดีย
ชาวโปรตุเกสเข้าใจผิดคิดว่าชาวฮินดูเป็นคริสเตียน อีกมีเรื่องศาสนาเข้ามาโยงกันเข้าไปด้วยทำให้
การตกลงนธิสัญญา นั้นล้มเหลวที่อินเดีย
11. พอมีปัญหามีความตึงเครียดเพิ่มมากขึ้นเขาเลยออกเดินทางต่อ โดยนำชาวฮินดูไปด้วย 6 คนเพื่อ
ให้กษัตริย์ของเขาได้ศึกษาธรรมเนียมปฏิบัติของชาวฮินดูเพื่อให้เข้าใจสภาพที่เกิดขึ้นและรับมือต่อ
ในภายหลัง แต่เขานั้นได้เดินทางในช่วงที่แย่ที่สุดคือช่วงมรสุม ทำให้เขาต้องแล่นเรือฝ่าลมมรสุม
จนเขาไปถึง Anjidiv เป็นเกาะอินเดียในทะเลอาหรับ ใกล้รัฐกัว ก่อนแล่นเรือไปยังมาลินดีงอยู่บน
ชายฝั่งมหาสมุทรอินเดียของเคนยา
12. หลังจากอยู่ในทะเลอาหรับมานานกว่า 3 เดือน ลูกเรือหลายคนเสียชีวิตด้วยโรคเลือดออกตามไรฟัน
13. หลังจากผ่านหลายแห่ง พายุซัดหลายทีเขาก็ได้เดินทางกลับมาถึงลิสบอน เป็นผลสำเร็จ ลูกเรือ
จากขาไปนั้นมีราวๆ 170 เหลือกลับมาคงเหลือราว 50 กว่าคน
14. พระเจ้ามานูเอลที่ 1 มอบตำแหน่ง Dom (เป็นคำนำหน้าที่ให้เกียรติสงวนไว้สำหรับพระสงฆ์และ
ขุนนางคาทอลิก) ให้ดา กาม่า เงินบำนาญประจำปี 1,000 ครูซาโด cruzados(ครูซาโด คือสกุลเงิน)
และที่ดิน
15. การเดินทางครั้งนี้ได้เปิดเส้นทางน้ำทั้งหมด จากยุโรปสู่เอเชีย
16. การเดินทางครั้งที่สองของ ดา กาม่า พระเจ้ามานูเอลที่ 1 ได้ส่งเปโดร อัลวาเรส กาบราล
(ได้รับการยกย่องเป็นชาวยุโรปผู้ค้นพบบราซิล) นักเดินเรือชาวโปรตุเกสไปยังเมืองกาลิกัต
17. โจมตีเรืออาหรับมุสลิมที่เขาพบระหว่างทาง บังคับเจ้าผู้ครองแคว้นกาลิกัต ให้ยอมแพ้ ยอมจำนน
18. ระหว่างเดินทางกลับตามแนวชายฝั่งแอฟริกาตะวันออกได้ตั้งด่านการค้าขายของโปรตุเกสขึ้น
ในประเทศโมซัมบิกในปัจจุบัน
19. เขาเดินทางไปอินเดียถึง 3 ครั้ง ครั้งที่ 3 นี้ เขาได้รับการเสนอชื่อให้เป็นอุปราชชาวโปรตุเกส
ในอินเดีย กัปตันผู้ยิ่งใหญ่แห่งทะเลอินเดีย ผู้บัญชาการกองเรือลาดตระเวนของมหาสมุทรอินเดีย
20. ดา กาม่าได้รับคำมั่นสัญญาจากพระเจ้าจอห์นที่ 3 แห่งโปรตุเกสที่จะแต่งตั้งบุตรชายทั้งหมดของเขา
เป็นกัปตันชาวโปรตุเกสของมะละกาตามลำดับ
21. การเดินทางครั้งสุดท้ายของ ดา กาม่า พร้อมด้วยบุตรชายสองคนของเขา Estêvão และ Paulo
จนมาถึงอินเดีย เขาก็ได้จัดการออกคำสั่งใหม่ในโปรตุเกสอินเดีย แทนที่เจ้าหน้าที่เก่าทั้งหมด
22. ในปี ค.ศ. 1524 วันคริสต์มาสอีฟ วาสโก ดา กาม่า ที่ติดเชื้อมาลาเรียได้ไม่นานหลังจากที่มาถึง และ
เสียชีวิตในเมืองโคชิน หลังจากที่เขาได้รับมอบหมายตามพระราชดำรัสของราชวงศ์ มารับตำแหน่ง
ผู้ว่าการอินเดีย
23. ร่างของ วาสโก ดา กาม่า ถูกฝังครั้งแรกที่โบสถ์ St. Francis ที่ป้อมโคชิน ในเมืองโคชิน อินเดีย
แต่ศพของเขาถูกส่งคืนไปยังโปรตุเกสในปี 1539 ร่างของ วาสโก ดา กาม่า ถูกฝังอีกครั้งใน Vidigueira
ในโลงศพที่ประดับด้วยทองคำ และอัญมณี
24. หลุมฝังศพของ วาสโก ดา กาม่า ในอาราม Jerónimos (เจโรนิโมส์ ) ในย่าน Belém(เบเลม)
ริมแม่น้ำเทกัส เมืองลิสบอน