หน้าเว็บ

วันอังคารที่ 30 กรกฎาคม พ.ศ. 2567

บ็อบบี ร็อบสัน ยอดตำนานกุนซือลูกหนัง Bobby Robson

 


บ็อบบี ร็อบสัน ยอดตำนานกุนซือลูกหนัง Bobby Robson


เซอร์โรเบิร์ต วิลเลียม ร็อบสัน Sir Robert William Robson


18 กุมภาพันธ์ 1933 - 31 กรกฎาคม 2009


เป็นอดีตโค้ชฟุตบอลชาวอังกฤษและเป็นนักฟุตบอลชาวอังกฤษ 


เขาเป็นหนึ่งในผู้จัดการทีมฟุตบอลอังกฤษที่เก่งที่สุดตลอดกาล


เล่นให้ทีมชาติอังกฤษและต่อมาเป็นผู้จัดการทีม และเป็นผู้จัดการทีม


ที่ชนะเลิศถ้วยยูฟ่าคัพกับทีมอิปสวิชทาวน์


ตำแหน่งกองหน้าตัวใน เขาเล่นให้กับสามสโมสร ได้แก่ ฟูแล่ม เวสต์บรอมวิชอัลเบี้ยน 


และแวนคูเวอร์รอยัลส์ในช่วงสั้นๆ


ลงเล่นให้ทีมชาติอังกฤษ 20 นัด ยิงได้ 4 ประตู


เขาประสบความสำเร็จทั้งในฐานะผู้จัดการทีม หลังจากเป็นนักเตะอาชีพ


ผู้จัดการทีมระดับสโมสร โดยคว้าแชมป์ลีกทั้งในเนเธอร์แลนด์และโปรตุเกส 


คว้าถ้วยรางวัลในอังกฤษและสเปน และพาทีมชาติอังกฤษเข้าสู่รอบรองชนะเลิศของฟุตบอลโลกปี 1990


เคยดำรงตำแหน่งผู้จัดการทีมหลายแห่ง ที่เด่นๆและจดจำกันได้คือนิวคาสเซิล บาร์เซโลนาในฤดูกาล 1996–97


พีเอสวี สปอร์ติ้ง ลิสบอน และปอร์โต งานสุดท้ายของเขาคือการเป็นที่ปรึกษาให้กับผู้จัดการทีมชาติไอร์แลนด์


ร็อบสันได้รับการสถาปนาเป็นอัศวินบาเชเลอร์ในปี 2002 


ได้รับการแต่งตั้งเป็นสมาชิกหอเกียรติยศฟุตบอลอังกฤษในปี 2003


เป็นประธานกิตติมศักดิ์ของอิปสวิชทาวน์ ตั้งแต่ปี 1991


คุมทีม 1,446 นัด ชนะ 718 เสมอ 351 แพ้ 377 


เกียรติประวติในฐานะผู้จัดการทีม


อิปสวิช ทาวน์


ยูฟ่าคัพ: 1980–81

เอฟเอ คัพ: 1977–78

เท็กซาโกคัพ: 1972–73


พีเอสวี ไอน์โฮเฟ่น


เอเรดิวิซี: 1990–91, 1991–92

โยฮัน ครัฟฟ์ ชิลด์: 1998


ปอร์โต้


ดิวิชั่น 1: 1994–95, 1995–96

โปรตุเกส คัพ: 1993–94

กันดิโด เด โอลิเวรา ซูเปอร์คัพ: 1994


บาร์เซโลนา


โกปา เดล เรย์ : 1996–97

ซูเปร์โกปา เด เอสปันญ่า: 1996

ยูโรเปียนคัพวินเนอร์สคัพ: 1996–97

นิวคาสเซิ่ล ยูไนเต็ด


รองแชมป์ยูฟ่าอินเตอร์โตโตคัพ: 2001


อังกฤษ


บริติชโฮมแชมเปี้ยนชิพ: 1982–83

รุส คัพ: 1986, 1988, 1989


ร็อบสันเสียชีวิตลงอย่างสงบในขณะที่มีอายุ 76 ปี ด้วยโรคมะเร็งปอด เมื่อวันที่ 31 กรกฎาคม 2009


บุคคลสำคัญจากวงการฟุตบอลและการเมืองต่างก็แสดงความอาลัยต่อเขา


เป็นการสูญเสียครั้งยิ่งใหญ่

วันจันทร์ที่ 8 กรกฎาคม พ.ศ. 2567

ซูฮาร์โต Suharto นายพลผู้ยิ้มแย้ม ( The Smiling General )

 


ซูฮาร์โต Suharto นายพลผู้ยิ้มแย้ม ( The Smiling General )


ซูฮาร์โต เกิด 8 มิถุนายน พ.ศ. 2464 


ประธานาธิบดีคนที่สองของอินโดนีเซียและเผด็จการทหาร ปกครองประเทศกว่า 31ปี 

ดำรงตำแหน่ง 12 มีนาคม พ.ศ. 2510 – 21 พฤษภาคม พ.ศ. 2541


ซูฮาร์โต Suharto



เมื่อวันที่ 30 กันยายน พ.ศ. 2508 เกิดรัฐประหารที่ล้มเหลวในประเทศอินโดนีเซีย - เหตุการณ์ 930 

ทหารฝ่ายซ้ายกลุ่มหนึ่งถูกกล่าวหาว่าพยายามยึดอำนาจร่วมกับพรรคคอมมิวนิสต์ หลังจากการรัฐประหาร

ถูกปราบปรามโดยประธานาธิบดีซูการ์โนในขณะนั้น ซูฮาร์โตเป็นผู้นำกองบัญชาการยุทธศาสตร์กองทัพบก

และใช้โอกาสนี้ในการผูกขาดอำนาจซูฮาร์โตตอบโต้ว่าการรัฐประหารเกิดขึ้นโดยพวกพ้องของซูการ์โน

และได้โค่นล้มซูการ์โน่ที่สนับสนุนคอมมิวนิสต์และสนับสนุนโซเวียตลงไป เขายังก่อกระแสต่อต้านจีน

ครั้งใหญ่ทั่วประเทศและยึดอำนาจของซูการ์โน 


ในฐานะประธานาธิบดี ซูฮาร์โตยุติการเผชิญหน้าระหว่างอินโดนีเซีย-มาเลเซีย และกระชับความสัมพันธ์

ระหว่างทั้งสองประเทศให้แน่นแฟ้นยิ่งขึ้นโดยการเยือนมาเลเซีย

อำนาจของซูฮาร์โตถึงจุดสูงสุด ในช่วงทศวรรษ 1990 ความเป็นเผด็จการและการทุจริตของรัฐบาลซูฮาร์โต

สร้างความไม่พอใจให้กับประชาชน จนเกิดการจลาจลในเดือนพฤษภาคม 2540 ที่เกิดจากวิกฤตการณ์

ทางการเงินในปี 2540นำไปสู่การลาออกของซูฮาร์โตในเดือนพฤษภาคม 2541 หลังจากการขับไล่ซูฮาร์โต

 เขาถูกดำเนินคดีในข้อหาคอร์รัปชั่นและการฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ชาวจีนในระหว่างดำรงตำแหน่ง

ต่อมา เนื่องจากสภาพร่างกายที่ย่ำแย่ของซูฮาร์โตและความคิดเห็นของสาธารณชนที่เพิ่มมากขึ้น

ในอินโดนีเซีย การดำเนินคดีจึงถูกยกเลิกในที่สุด เขาถึงแก่กรรมในปี พ.ศ. 2551


ผลกระทบของการปกครอง 31 ปีของซูฮาร์โตทำให้เกิดความขัดแย้งอย่างมาก ที่นำโดยทหาร

ซูฮาร์โตยังบังคับยึดติมอร์ตะวันออก ส่งผลให้มีผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 100,000 คน



ภายใต้ยุคของเขาที่เรียกกันว่า "ยุคระเบียบใหม่" ซูฮาร์โตได้สร้างรัฐบาลที่เข้มแข็ง ซูฮาร์โตได้

สถาปนารัฐบาลแบบรวมศูนย์ ที่นำโดยทหาร และมีอำนาจต่อต้านคอมมิวนิสต์จนได้รับการ

สนับสนุนทางการทูตและเศรษฐกิจจากตะวันตกในช่วงสงครามเย็น


ดำรงตำแหน่งประธานาธิบดีคนที่สองและดำรงตำแหน่งยาวนานที่สุดของอินโดนีเซีย

การปกครองแบบเผด็จการ 31 ปีของเขาถือเป็นหนึ่งในการปกครองที่โหดเหี้ยมและทุจริตที่สุดแห่ง

ศตวรรษที่ 20


อินโดนีเซียมีประสบการณ์ด้านอุตสาหกรรม การเติบโตทางเศรษฐกิจในช่วงแรก จนเขาได้รับสมญานาม

ว่า "บิดาแห่งการพัฒนา"


แต่ท้ายที่สุดซูฮาร์โตเป็นหนึ่งในผู้นำที่คอร์รัปชั่นมากที่สุดในประวัติศาสตร์สมัยใหม่ และสร้างความ

แตกแยกในหมู่ประชาชน


ในด้านการพัฒนาประเทศเขาได้รับการยกย่อง แต่ในด้านการปกครองแบบเผด็จการและทุจริตนั้น 

เขาก็โดนไม่ใช่น้อยเช่นกัน


หลังจากลาออกจากตำแหน่งประธานาธิบดี ซูฮาร์โตต้องเข้ารับการรักษาในโรงพยาบาลหลายครั้ง

ด้วยปัญหาโรคหลายอย่างเช่น หลอดเลือดสมอง หัวใจ และลำไส้ เนื่องด้วยปัญหาสุขภาพทำให้

ไม่สามารถดำเนินคดีลงโทษได้


เมื่อวันที่ 4 มกราคม พ.ศ. 2551 ซูฮาร์โตถูกนำตัวส่งโรงพยาบาลเปอร์ตามินาเซ็นทรัล จาการ์ตา 

ด้วยอาการแทรกซ้อนที่เกิดจากสุขภาพไม่ดี รักษาตัวอยู่หลายวันจนวันที่ 27 มกราคม เวลา 13:09 น. 

เขาก็ได้จากไปโดย ครอบครัวของเขายินยอมให้ถอดเครื่องช่วยชีวิตออก

เนื่องจากอาการของเขาไม่ดีขึ้น เนื่องจากมีการติดเชื้อในกระแสเลือดแพร่กระจายไปทั่วร่างกาย