หน้าเว็บ

วันพฤหัสบดีที่ 27 ตุลาคม พ.ศ. 2565

ยูเซบิโอ เสือดำแห่งโมซัมบิก Eusébio

 



ยูเซบิโอ เสือดำแห่งโมซัมบิก Eusébio

ยูเซบิโอ เสือดำแห่งโมซัมบิก บุคคลสำคัญของวงการลูกหนังอีกคน ร่วมกับ เปเล่ มาราโดน่า


ยูเซบิโอ เสือดำแห่งโมซัมบิก Eusébio

1. ยูเซบิโอ : Eusébio


2. ยูเซบิโอ ดา ซิลวา เฟร์ไรรา : Eusébio da Silva Ferreira


3. เป็นชาวโปรตุเกส แอฟริกาตะวันออก โมซัมบิก


4. เกิด : 25 มกราคม ค.ศ. 1942 มาปูโต เมืองหลวงของโมซัมบิก


5. ยูเซบิโอเริ่มต้นอาชีพค้าแข้งกับสปอร์ติ้ง คลับ เด โลเรนโซ มาร์เกส ในดินแดนของโปรตุเกสใน

โมซัมบิกในขณะนั้น เล่นอยู่ 3 ปี ลงไป 42 ยิงไป 77 ประตู ( ยิงมากกว่าจำนวนนัดที่ลงเล่นเกือบเท่าตัว )


15 ปีกับเบนฟิก้า ยอดทีมจากโปรตุเกส


6. เบนฟิก้า แย่ง ตัว ยูซบิโอ กับคู่ปรับตลอดกาลอย่างลิสบอน มาได้ในธันวาคมปี 1960  ยูเซบิโอ

ลงประเดิมสนามกับวิตอเรีย เด เซตูบัล


7. ยูเซบิโอยิงให้กับ เบนฟิก้า ไป 727 ลูก จากการลงสนามทั้งสิ้น 715 นัด ตลอด 15 ปีที่ค้าแข้งอยู่


8. แชมป์ระดับชาติ 10 สมัย, โปรตุเกส คัพ 5 สมัย, ยูโรเปียนคัพ 1 สมัย (ยิงได้สองประตูในชัยชนะเหนือ 

รีลมาดริด ในนัดชิงฟุตบอลยุโรป)


9. ถ้วยเกียรติยศของลิสบอนอีก 5 สมัย


10. ปี 1965 ยูเซบิโอกลายเป็นผู้เล่นโปรตุเกสคนแรกที่ได้รับรางวัล Ballon d'Or


11. ยิงในบอลถ้วยสโมสรยุโรปไป 46 ประตู และเป็นดาวซัลไซขของถวยยุโรปในปี 1964/65, 1965/66 

และ 1967/68


12. ได้รับรองเท้าทองคำ 2 หน โดยหนังสือพิมพ์กีฬาฝรั่งเศส L'Équipe


ผลงานกับทีมชาติ 


13. ลงสนามให้ทีมชาติโปรตุเกสไป 64 นัด ยิง 41 ประตู


14. พาทีมชาติจบอันดับที่ 3 บอลโลก ปี1966 พร้อมคว้ารองเท้าทองคำ เป็นดาวซัลโว ยิงไป 9 ประตู

ในปีนั้น


15. ยูเซบิโอ ยังลงเล่นต่อหลังย้ายออกจากลิสบอนเนื่องจากเขาจะได้รับบาดเจ็บที่เข่าอย่างรุนแรง 

หลังผ่าเข่าเขายังไปเล่นต่ออีก 6-7 ทีม ลงนิดๆหน่อยๆ ก่อนเลิกเล่นในปี 1980 จบตำนานนักเตะผู้ยิ่งใหญ่

ของโปรตุเกสไว้ปีนั้น


16. ในปี 1992 ได้มีการสร้างรูปปั้นเพื่อเป็นเกียรติแก่เขา และในปี 2008 ก็ได้ก่อตั้งการแข่งขัน 

Eusébio Cup ประจำปีขึ้น



รางวัลส่วนตัวที่เด่นๆ


 - ได้รับเลือกให้เป็นนักฟุตบอลยอดเยี่ยมแห่งปีของยุโรปในปี 1965


 - ได้รับรางวัลรองเท้าทองคำในบอลโลก 2 สมัย


 - บัลลงดอร์ 1 สมัย


 - ดาวซัลโว ลีกโปรตุเกส 7 สมัย


17. ยูเซบิโอ เสียชีวิตในวันที่ 5 มกราคม ค.ศ. 2014 (71 ปี) รัฐบาลโปรตุเกสได้ประกาศช่วงเวลาไว้ทุกข์สามวัน


วันเสาร์ที่ 22 ตุลาคม พ.ศ. 2565

มาราโดน่า ตำนานลูกหนังฟ้าขาว Diego Maradona

 


มาราโดน่า ตำนานลูกหนังฟ้าขาว

มาราโดน่า ตำนานลูกหนังฟ้าขาว หรืออีกฉายาคือหัตถ์พระเจ้า บุคคลสำคัญอีกคนของวงกรฟุตบอล

มาราโดน่า ตำนานลูกหนังฟ้าขาว Diego Maradona


1. ดิเอโก้ มาราโดน่า : Diego Maradona (ดิเอโก้ อาร์มันโด มาราโดน่า)


2. อดีตนักฟุตบอลชาวอาร์เจนตินา  ตำแหน่งกลางรุก และ กองหน้า


3. อดีตเป็นผู้จัดการทีมชาติอาร์เจนตินา 


4. ถือเป็น 2 นักฟุตบอลที่ยิ่งใหญ่ที่สุดตลอดกาล  ร่วมกับเปเล่ 


5. เกิด 30 ตุลาคม ค.ศ. 1960 : ที่ลานุส บัวโนสไอเรส ประเทศอาร์เจนตินา


6. ได้รับการยกย่องว่าเป็นนักฟุตบอลในตำนานทศวรรษ 1980 และเป็นหนึ่งในนักเตะที่ยิ่งใหญ่

ที่สุดตลอดกาล


7. ได้ชื่อว่าเป้นศิลปินลูกหนัง ลีลาความสามารถเฉพาะตัว ความเร็ว สร้างโอกาสและทำประตู

ด้วยตัวเองได้ ถือยอดตัวรุกยอดนักฟุตบอลของยุคที่ตัวเองเล่นอยู่


8. สร้างช็อตมหัศจจรย์ หลายอย่าง อย่าง ลากเลื้อยครองบอลเข้าไปยิง ยิงลูกยิงมหัศจจรย์ หลบ 5 

และมากมาย


9. หัตถ์พระเจ้า : ในปี 1986 ที่ประเทศเม็กซิโก เขาได้ทำประตูด้วยมือในนัดที่เจอกับอังกฤษ 

รอบแปดทีมสุดท้าย เขาได้กระโดดแย่งโหม่งกับ ปีเตอร์ ชิลตัน ผู้รักษาประตูของอังกฤษ

ที่กระโดดมาจะรับบอล แต่เขาได้ใช้มือซ้ายปัดลูกฟุตบอลเข้าประตูไป ซึ่ง อาลี บิน นัสเซอร์ 

กรรมการชาวตูนิเซียที่มองไม่เห็นการใช้มือได้ตัดสินให้ลูกนี้เป็นประตู เป็นที่กล่าวขาน 

ถกเถียงกันอย่างมากในตอนนั้นจบเกมอาร์เจนตินาชนะ 2-1 และเป็นหนทางไปสู่แชมป์โลกของอาเจน 

และ มาราโดน่า


10. ช่วงเริ่มต้นฟุตบอล : อายุได้แปดขวบเขาเข้าร่วมลาส เซโบลลิตัส และต่อมาได้ เซ็นสัญญา

กับอาร์เจนติโนส จูเนียร์สเมื่ออายุ 14


11. ลงสนามเป็นทางการนัดแรกในปี1976 10 วันก่อนวันเกิดอายุครบ 16 ปีของเขา หลังจากนั้น

แค่ 4 เดือนเขาก็ได้เปิดตัวกับการติดทีมชาติครั้งแรกถือเป็นนักฟุตบอลอาจนที่ติดทีมชาติชุดใหญ่

อายุน้อยที่สุด


12. ฟุตบอลโลกปี 1978 เขาไม่ถูกเรียกทีมชาติไปบอลโลกปีนั้นเพราะยังถูกมองว่าเด็กเกินไป 


13. ติดทีมเยาวชนยู20 ได้แชมป์โลก ร่วมกับ ราม่อน ดิอาซ โดย มาราโดน่ายิงไป 6 ประตู ดิอาส

ยิงไป 8ประตู


14. เข้าร่วมฟุตบอลโลก 4 ครั้ง : 1982 / 1986 / 1990 / 1994 โดยในปี 1986 สามารถพาทีมคว้าแชมป์โลก

ได้ด้วยการชนะ เยอรมันตะวันตกไป 3-2 


ยิงรวมทั้งทัวร์นาเม้นต์ไป 5 ประตู เป็นรองดาวซัลโว และได้ รางวัลลูกบอลทองคำไปครอง


15. ระดับเยาวชน : Argentinos Juniors ปี 1969 - 1976


16. เล่นอาชีพ : อาเจนตินอส จูเนียร์ Argentinos Juniors 1976 -1981 ลง 166 นัด ยิง 116 ประตู


17. ปี 1981 : ย้ายไป โบคา จูเนียร์ ถึงปี 1982 ปีเดียว ลง 40 นัด ยิง 28 ประตู พาทีมคว้าแชมป์ได้ทันที

แค่ปีแรก


18. ปี 1982 : ย้ายไปบาเซโลน่า พาทีมได้แชมป์Spanish Cup ปี 1983 ลงสนาม 36 นัด ยิง 22 ประตู 

แต่ด้วยความที่เจ็บบ่อย ทำให้เขาต้องย้ายออกจากทีมในปี 1984 


19. ปี1984  : ย้ายไปนาโปลี และเป็นที่ๆประสบความสำเร็จอย่างมากในอาชีพการค้าแข้งของเขา 

เขาได้กลายเป็นที่รักของเมืองเนเปิลส์ทั้งเมือง ด้วยผลงานพานาโปลีคว้ามแชมป์ กัลโช่ ซีเรีย อา อิตาลี

ในฤดูกาล 1986-87 เป็นครั้งแรกของสโมสร ก


20. ฤดูกาล 1989-90 : มาราโดน่า ก็สามารถพานาโปลีคว้าแชมป์ ลีก ได้เป็นสมัยที่ 2 ส่วนปี 1987-88 

และ 1988-89 ก็ได้รองแชมป์ลีก อีกด้วย


21. แชมป์โคปาอิตาเลีย ปี1987 


22. แชมป์โคปาอิตาเลีย ปี1989


23.  แชมป์ยูฟ่าคัพในปี 1989


24. แชมป์ซูเปอร์คัพของอิตาลีในปี 1990


25. เป็นดาวซัลโวสูงสุดในเซเรีย อาในปี 1987–88 ด้วยจำนวน 15 ประตู  และทำประตูให้นาโปลีทั้งสิ้น

 115ประตู ตลอดการค้าแข่ง


26. ขอไม่พูดเรื่องปัญหา...นะคับ


27. มาราโดน่าอยู่อิตาลีถึงปี 1991 ก่อนย้ายไปเล่นกับเซบีญ่าในปี 1992-1993


28. 1993 ย้ายกลับมาที่ นีเวล โอลบอยส์ ที่อาเจนติน่า และ 1995 ใสอยู่กับ โบคาร์จูเนียร์ ก่อนจะรีไทร์


29. หลังจากเลิกเล่นฟุตบอลได้มาคุมทีม Deportivo Mandiyú / Racing Club  / ทีมชาติอาเจนติน่า 

/ Al-Wasl / Fujairah /Dorados de Sinaloa


และ Gimnasia de La Plata


เกียรติประวัติกับทีมชาติ


30. ได้แชมป์ : บอลโลกปี 1986 ที่เม็กซิโก


31. รองแชมป์ : บอลโลกปี 1990 ที่อิตาลี


32. อันดับ 3 โคปาอเมริกา : 1989 ที่บราซิล


33. ได้แชมป์ CONMEBOL–UEFA Cup of Champions : ปี1993


34. แชมป์บอลโลกยู20 : ปี 1979 ที่ญี่ปุ่น


35. รองแชมป์ยู20 ชิงแชมป์แห่งชาติอเมริกาใต้ : ปี 1979 ที่อุรุกวัย



เกียรติประวัติสโมสร


36. โบคา จูเนียร์ : Argentine Primera División: 1981 Metropolitano


37. บาเซโลน่า : โคปาเดล เรย์ 3 สมัย โคปาเด ลาลีก้า 1 สมัย ซุปเปอร์โคปา เอสปัญญ่า 1 สมัย


38. นาโปลี : แมป์กัลโช่ 2 สมัย โคปา อิตาเลีย 1 สมัย ซุปเปอร์โคปา อิตาเลียน่า 1 สมัย ยูฟ่าคัพ 1 สมัย


เกียรติประวัติส่วนตัว


39. ดาวซัลโวลีกของอาเจนติน่า :  4 สมัย


40. ลูกบอลทองคำ ฟุตบอลยู20 : 1979


41. รองเท้าเงิน ฟุตบอลยู20 : 1979


42. รางวัลกีฬาอาร์เจนตินาโดยสมาคมนักข่าวกีฬา : 2 สมัย


43. นักฟุตบอลยอดเยี่ยมประจำปี จาก นิตยสารฟุตบอลอิตาลี : 2 สมัย


44. นักเตะยอดเยี่ยมแห่งปีของนักข่าวฟุตบอลอาร์เจนตินา : 4 สมัย


45. นักเตะอเมริกาใต้ยอดเยี่ยม : 6 สมัย


46. El Gráfico Footballer of the America's : 2 สมัย


47. Guerin Sportivo World All-star Team : 5 ครั้ง


48. ลูกบอลทองคำบอลโลกปี 86 : 


49. รองเท้าเงินบอลโลกปี 86 : 


50. Italian Football Hall of Fame


และอื่นๆอีกมากมายนับไม่ถ้วน



มาราโดน่าเสียชีวิตจากภาวะหัวใจหยุดเต้นที่บ้านในเมืองติเกร ประเทศอาร์เจนตินาในปี ค.ศ. 2020


วันจันทร์ที่ 17 ตุลาคม พ.ศ. 2565

เปเล่ ตำนานแห่งฟุตบอลบราซิล Pelé

 


เปเล่ ตำนานแห่งฟุตบอลบราซิล

 - เเอ็ดสัน อารันเตส โด นาสซิเมนโต้ : Edson Arantes do Nascimento หรือ เปเล่  Pelé


 - เกิด 23 ตุลาคม 1940 : ที่ Três Corações (เตรสโกราโซยส์) บราซิล


เปเล่ ตำนานแห่งฟุตบอลบราซิล Pelé


 - นักฟุตบอลชาวบราซิล : ตำนานนักฟุตบอลของโลก ได้ชื่อว่าเป็น "ราชาฟุตบอล" หรือ "ไข่มุกดำ" 


 - บุคคลสำคัญเป็นส่วนหนึ่งของทีมชาติบราซิลที่ได้แชมป์ฟุตบอลโลก 3 สมัย : 1958, 1962, 1970


 - ตำแหน่ง : กองหน้าตัวกลาง กับหน้าต่ำ กลางตัวรุก


 - เริ่มต้ยการเล่นฟุตบอลในลีกระดับเล็กในรัฐเซาเปาโล


 - ถูกปฏิเสธโดยทีมสโมสรใหญ่ในเมืองเซาเปาโล


 - ค.ศ. 1956 เขาได้เข้าร่วมสโมสรฟุตบอลซานโตส : เริ่มต้นที่หน้าซ้าย


 - เปเล่เปิดตัวในระดับนานาชาติในปี 1957 


 - อายุได้ 17 ปี ถูกเรียกตัวติดทีมชาติบราซิล เพื่อลงแข่งฟุตบอลโลกในปี 1958


 - แฮตทริกในรอบรองชนะเลิศกับฝรั่งเศส บราซิลชนะไป 5-2 


 - นัดชิงเปเล่จัดอีก2ประตู พาทีมชนะสวีเดนเจ้าภาพ ไป 5-2 


 - เป็นนักฟุตบอลอายุน้อยที่สุดที่ยิงประตูในนัดชิงชนะเลิศ พาบราซิลเป็นแชมป์โลก


 - บอลโลกปีนั้น เปเล่กดไป 6 ประตูเท่ากับ Helmut Rahn (เฮ็ลมูท ราห์น) เป็นรอง Just Fontaine 

(ฌุสต์ ฟงแตน) ของฝรั่งเศสที่ยิงไปถึง 13 ประตู


 - ฟุตบอลโลกปี 1962 บราซิลเข้าชิงกับ เชกโกสโลวเกีย เปเล่ไม่ได้เล่นเพราะบาดเจ็บตั้งแต่นัดที่ 2 

ของทัวร์ตั้งแต่ในรอบแบ่งกลุ่ม แต่บราซิลยังเอาชนะไปได้ 3-1 


 - บอลโลกปี1962 เปเล่ยิงได้เพียง 1 ลูก ในรอบแบ่งกลุ่มนัดแรกกับ  เม็กซิโก ที่ชนะไปได้ 2-0 


 - ปี 1966 เปเล่รับได้รับบาดเจ็บ ในบอลโลก โดยยิงบัลแกเรียได้แค่ลูกเดียว และทำให้บราซิล

ในปีนั้นตกรอบแรก โดยมีโปรตุเกส และฮังการี่ เข้ารอบไป ผลงานคือ ชนะบัลแกเรีย แพ้ ฮังการี่ 

และโปรตุเกส สกอร์ 3-1 ทั้ง 2 นัด


 - บอลโลกปี 1970 ตอนนั้นเปเล่ อายุราวๆ 28-29 ปีแล้วเขาได้ร่วมทีมกับตัวดาวรุ่งมาเล่น

ฟุตบอลโลกอีกครั้ง


 - ผลงานปี 1970 เขาสามารถพาบราซิลคว้าแชมป์โลก สมัยที่ 3 ได้ และเปเล่ยิงไป 4 ลูก 

นัดชิงชนะ อิตาลี 4-1 เปเล่ยิง 1 ลูก ดาวซัลโวปีนั้นคือ แกร์ด มุลเลอร์ ตำนานกองหน้าเยอรมัน 

ที่ยิงไป 10 ประตู


 - เปเล่ลงแข่งฟุตบอลโลก 4 สมัย ยิงไป 12 ประตู จากการลงเล่น 14 นัด ถือเป็นตำนานทีมชาติ

ผู้พาบราซิลเป็นแขมป์โลก ถึง 3 สมัย ทำให้ได้ถ้วย ฌูล รีเม่ อย่างภาวร ( ถ้วยบอลโลก)


 - เขาลงเล่นให้ทีมชาติบราซิล 92 นัด ยิง 77 ประตู


 - เล่นให้ซานโตส 659 นัด ยิง 643 ประตู 


 - ช่วงใกล้เลิกเล่น ในปี 1975 เขาถูกนิวยอร์ก คอสมอส ซื้อตัวไปในราคาราว 7 ล้านดอลล่า 

ลงเล่นไป 64 นัด ยิงไป 37 ประตู


 - หลังจากนำทีม Cosmos สู่แชมป์ลีกในปี 1977 เขาก็ประกาศเลิกเล่น 


 - เปเล่ได้รับรางวัล International Peace Award ในปี 1978


 - ได้รับการเสนอชื่อให้เป็นนักกีฬาแห่งศตวรรษโดยนิตยสารกีฬาของฝรั่งเศส L'Equipe ปี 1999 

และได้รับเกียรติเช่นเดียวกันนี้จากคณะกรรมการโอลิมปิกสากล


 - ในปี 2014 ได้มีการเปิดพิพิธภัณฑ์เปเล่เปิดขึ้นในเมืองซานโตส ประเทศบราซิล


 - ได้รับการยกย่องว่าเป็นหนึ่งในผู้เล่นที่ยิ่งใหญ่ที่สุดตลอดกาล ร่วมกับมาราโดน่า


 - ถูกรวมอยู่ในรายชื่อ 100 คนที่สำคัญที่สุดของศตวรรษที่ 20


 - ปี 2000 เปเล่ได้รับเลือกให้เป็นผู้เล่นยอดเยี่ยมแห่งศตวรรษของโลกโดยสหพันธ์ประวัติศาสตร์

ฟุตบอลและสถิตินานาชาติ (IFFHS)


 - เป็นหนึ่งในสองผู้ชนะร่วมกันของผู้เล่นฟีฟ่าแห่งศตวรรษ 1,279 ประตูจาก 1,363 เกมซึ่งรวมถึงกระชับมิตร ได้รับการยอมรับว่าเป็นสถิติโลกกินเนสส์บุ๊ค


 - นับอย่างเป็นทางการ 757 ลูกก่อนโดน คริสเตียนโน่ โรนัลโด้ทำลายไป


 - เป็นทูตระดับนานาชาติด้านกีฬา โดยทำงานเพื่อส่งเสริมสันติภาพและความเข้าใจผ่านการแข่งขัน

กีฬากระชับมิตร


 - ในระหว่างปี 1995 และ 1998 เปเล่เป็นรัฐมนตรีกีฬา 1 สมัย ในยุคนายก เฟร์นานโด เฮนริเก้ คาร์โดโซ่

 ของบราซิล


เปเล ตำนานลูกหนังโลกชาวบราซิล เสียชีวิตลงแล้วอย่างสงบด้วยวัย 82 ปี. หลังจากต่อสู้กับ

อาการป่วย มะเร็งลำไส่ใหญ่มายาวนาน ด้วยการผ่าตัดและการทำเคมีบำบัด  และจากไปเมื่อวัน

พฤหัสบดีที่ 29 ธันวาคม 2022  ตำนานฟุตบอลของโลกตลาดกาล ได้แชมป์ฟุตบอลโลก ถึง 3 สมัย 

ได้รับการยกย่องว่าเป็นนักเตะที่ดีสุดตลอดกาลของโลกฟุตบอล ทำประตูตลาดอาชีพไปทั้งหมด  

1,281 ประตู จากการลงสนาม 1,363 นัด ตลอดอาชีพค้าแข้ง 21 ปี 



เปเล่  Pelé

นักเตะที่ดีสุดตลอดกาลของโลกฟุตบอล