หน้าเว็บ

วันเสาร์ที่ 30 กรกฎาคม พ.ศ. 2565

สองพี่น้องตระกูลไรต์ (Wright Brothers)

 


สองพี่น้องตระกูลไรท์ (Wright Brothers)

สองพี่น้องตระกูลไรต์ (Wright Brothers)


สองพี่น้องตระกูลไรต์ ได้แก่


เออวิลล์ ไรท์  (19 สิงหาคม พ.ศ. 2414 (ค.ศ. 1871) - 30 มกราคม พ.ศ. 2491 (ค.ศ. 1948))


วิลเบอร์ ไรท์ (16 เมษายน พ.ศ. 2410 (ค.ศ. 1867) - 30 พฤษภาคม พ.ศ. 2455 (ค.ศ. 1912)) 


เป็นบุคคลสำคัญของโลก ด้านการบิน สองคนแรกที่ได้ออกแบบและสร้าง เครื่องบิน ที่มีเครื่องยนต์

กับต้นแบบของเครื่องบินติดปีกให้มนุษยชาติบินในอากาศได้สำเร็จ


สองพี่น้องตระกูลไรท์ เป็นนักบุกเบิกการบิน


เพื่อนเล่นของ วิลเบอร์ ก็ไม่ใช่ใครที่ไหนเป็น เออวิลล์น้องชายของเขานั้นเอง

วิลเบอร์เป็นเด็กฉลาด ร่าเริงแจ่มใส เขาวางแผนไว้ว่า เมื่อจบมัธยมปลาย จะเข้าศึกษาต่อที่มหาลัยเยล 

แต่เขาก็มาประสบอุบัติเหตุจากการเล่นฮอกกี้น้ำแข็ง จนบาดเจ็บสาหัส ถึงแม้จะรักษาหายดีแล้วตัวเขาเอง

ก็เกิดภาวะซึมเศร้าขึ้น เขาไม่จบ ม.ปลาย ล้มเลิกแผนการศึกษาต่อเข้ามหาลัย เขาเอาเวลาที่เหลือนั่ง

อ่านหนังสือในบ้าน  พร้อมดูแลแม่ที่ป่วยด้วยวัณโรค และแม่เขาได้เสียชีวิตในปี พ.ศ. 2432



ปี 2432 พวกเขาได้เริ่มตีพิมพ์หนังสือพิม และทำบทความเกี่ยวกับจักรยานที่พวกเขาชื่นชอบ และยังได้

เปิดร้านขายจักรยาน ที่ตัวเองออกแบบเอง และรับซ่อมจักรยานไปด้วย พวกเขายังได้ทดลองโครงการ

วิทยาศาสตร์ เครื่องจักรกลต่างๆ รวมไปถึงศึกษาติดตามงานวิจัยด้านการบินเครื่องร่อน 

ของ Otto Lilienthal อย่างสม่อเสมอ ต่อมา Otto นั้นประสบอุบัติเหตุเสียชีวิตจากการทดลองเครื่องร่อน  

ทั้งวิลเบอร์ และ เออวิลล์ก็คิดที่จะทดลองการบินของตัวเองขึ้นมามั่ง พวกเขาจึงมุ่งหน้าไปที่คิตตี้ ฮอล์ค 

รัฐ นอร์ทแคโรไลน่า  เพราะว่าที่นั่นขึ้นชื่อเรื่องลมที่แรง อาจจะช่วยผลักดันเครื่องร่อน การบินที่พวกเขา

ประดิษฐ์วิจัยได้ พวกเขาพยายามคิดค้นวิธี การทำปีกให้เหมาะสมกับการบินของตน เพื่อความสมดุล 

การควบคุมทิศทาง มีการเพิ่มหางเสือเขาไป และในที่สุด พวกเขาก็ประสบความสำเร็จ



วันที่ 17 ธันวาคม พ.ศ. 2446 พวกเขาก็ประสบความสำเร็จ ในการบินขั้นต้น ด้วยการบินได้เป็นเวลา 59 วินาที 

นับระยะทางได้ 852 ฟุต แม้พวกเขาจะประสบความสำเร็จแต่ในอเมริกา พวกเขาก็ไม่ค่อยได้รับการยอมรับมากนัก



ต่อมาพวกเขาได้เดินทางไปที่ ฝรั่งเศส เพื่อหาลู่ทางใหม่ๆพวกเขาพบว่าผู้คนในยุโรปนั้นเปิดกว้างมากกว่า

 พวกเขาได้ทำการ บินแสดงให้แก่บรรดาเจ้าหน้าที่รัฐ บุคคลต่างๆ นักข่าว ในปี พ.ศ. 2452 พวกเขาเป็น

ที่รู้จักโด่งดังมากในยุโรป ถึงขนาดว่า บรรดากษัตริย์ และ ประมุขแห่งรัฐต่างๆ ได้เป็นเจ้าภาพเชิญพวกเขา

เข้าพบเขาหลายต่อหลายครั้ง พวกเขาสามารถขายเครื่องบินได้ในยุโรปก่อนจะกลับ อเมริกา และได้กลาย

เป็นนักธุรกิจที่มั่งคั่งในช่วงนั้น  


พวกเขายกย่องกันและกันให้เครดิตซึ่งกันและกันในการสร้างนวัตกรรมเปลี่ยนโลกนี้ขึ้น 



วิลเบอร์ ไรท์ล้มป่วยด้วย ไข้ไทฟอยด์ และเสียชีวิตในวันที่ 30 พฤษภาคม พ.ศ. 2455 ในวัย45 ปี


ส่วนเออวิลล์ ไรท์ เสียชีวิต วันที่ 30 มกราคม พ.ศ. 2491 ในวัย 76 ปี


ทั้งสองพี่น้องตระกูลไรท์ เสียชีวิตที่เมืองเดย์ตัน รัฐโอไฮโอ้ ประเทศสหรัฐอเมริกา เหมือนกัน




วันเสาร์ที่ 23 กรกฎาคม พ.ศ. 2565

อเล็กซานเดอร์ เกรแฮม เบลล์ (Alexander Graham Bell) ผู้ประดิษฐ์โทรศัพท์

 


อเล็กซานเดอร์ เกรแฮม เบลล์ (Alexander Graham Bell) ผู้ประดิษฐ์โทรศัพท์

อเล็กซานเดอร์ เกรแฮม เบลล์ (Alexander Graham Bell) ผู้ประดิษฐ์โทรศัพท์

อเล็กซานเดอร์ เกรแฮม เบลล์ (Alexander Graham Bell)



อเล็กซานเดอร์ เกรแฮม เบลล์ เกิด 3 มีนาคม พ.ศ. 2390 เอดินบะระ ประเทศสกอตแลนด์ สหราชอาณาจักร 

เป็นคนสหราชอาณาจักร เกิดในดินแดน สกอตแลนด์ เหมือนกับทางด้าน เจมส์ วัตต์


เป็นนักวิทยาศาสตร์ นักประดิษฐ์ ผู้ก่อตั้งบริษัท เบลล์ เทเลโฟน (Bell Telephone company) 


บุคคลสำคัญ ผลงานที่สำคัญคือ ผู้ประดิษฐ์โทรศัพท์ ซึ่งต่อมานั้นได้เป็นการต่อยอดทำให้โลกนี้เจริญก้าวหน้า

กว่าเดิมเป็นอย่างมาก


บิดาคือ อเล็กซานเดอร์ เมลวิน เบลล์ (Alexander Melvin Bell)  ผู้เชี่ยวชาญเกี่ยวกับภาษาที่ใช้สำหรับคนหูพิการ


มารดาคือ เอลิซา เกรซ ไซมอนด์ เบลล์ เป็นคนหูพิการ


เบล นั้นเมื่อมีพ่อเป็นผู้เชี่ยวชาญ และแม่เป็นผู้พิการทางหู เขาจึง สามารถใช้ภาษาใบ้ อ่านริมฝีปาก 

และแยกแยะเสียงได้อย่างละเอียด


ช่วงวัยแรกเบลนั้นเรียนหนังสือที่บ้านไมได้เก่งด้านวิชาการ แต่แก้ปัญหาเก่ง เอาตัวรอดได้


อายุ12 ประกิษฐ์อุปกรณ์ที่มีไม้พายหมุนและแปรงทาเล็บที่สามารถเอาแกลบออกจากเมล็ดข้าวสาลี

ได้อย่างรวดเร็วเพื่อช่วยอำนวยความสะดวกในการทำฟาร์ม


16 ปี เบลล์เริ่มศึกษากลไกการพูด เขาไปเรียนต่อที่ Royal High School และ University of Edinburgh


ในปี พ.ศ. 2413 เบลล์พร้อมครอบครัวย้ายไปแคนาดา


ในปี พ.ศ. 2414 เขาตั้งรกรากอยู่ในสหรัฐอเมริกา ช่วงเวลานี้เขาได้ศึกษาระบบที่พ่อซึ่งเป็นผู้เชี่ยวชาญสำหรับ

คนหูพิการ ที่พัฒนามาสอนเด็กหูหนวก ระบบที่เรียกว่า"คำพูดที่มองเห็นได้" ซึ่งเป็นชุดสัญลักษณ์ที่แสดงเสียงพูด


ในปี พ.ศ. 2414 เบลล์เริ่มทำงานเกี่ยวกับโทรเลขแบบฮาร์โมนิก พัฒนาเทคโนโยลีนี้ให้สมบูรณ์ยิ่งขึ้น ซึ่ง

ได้รับการสนับสนุนจากกลุ่มนักลงทุน เบลล์เริ่มต้นคิดค้นเพื่อหาวิธีการถ่ายทอดเสียงของมนุษย์ผ่านสายไฟ


ในปีพ.ศ. 2415 เขาได้เปิดโรงเรียนสรีรวิทยาแกนนำและกลศาสตร์การพูดในบอสตัน ซึ่งสอนคนหูหนวกให้พูด 

ตอนนั้นเขามีอายุเพียงแค่ 26 ปี 


ตอนอายุ 26 ปี ตำแหน่งของเขาคือ ศาสตราจารย์วิชาสรีรวิทยาเสียงและการเปล่งเสียง ที่ 

Boston University School of Oratory แม้ว่าเขาจะไม่ได้รับปริญญาระดับมหาวิทยาลัยก็ตาม


ในปีพ.ศ. 2418 เบลล์ได้รับความช่วยเหลือจากหุ้นส่วนของเขา ได้คิดค้นเครื่องรับที่สามารถเปลี่ยนไฟฟ้าเป็นเสียงได้ 


พ.ศ. 2419 เบลล์ได้รับสิทธิบัตรโทรศัพท์ของเขา เบลล์ได้จดสิทธิบัตรโทรศัพท์เป็นสิทธิของตนในสหรัฐอเมริกา 


วันที่ 14 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2419 ซึ่งมีเรื่องน่าบังเอิญอย่างนึง คือได้มีการจดสิทธิบัตร โดย เอลิช่า เกรย์

 (Elisha Gray) ในวันเดียวกัน โดยเป็นการจดสิทธิบัตรภายหลังจากเบลล์เป็นเวลา 2 ชั่วโมง 


ในปี พ.ศ. 2420 ได้ก่อตั้งขึ้นบริษัทโทรศัพท์เบลล์ ซึ่งปัจจุบันรู้จักกันในชื่อ AT&T 


 เบลได้รับการยกย่องว่าเป็นผู้ประดิษฐ์เครื่องตรวจจับโลหะ  นอกจากนี้เบลล์ยังประดิษฐ์โทรศัพท์แบบไร้สาย

ซึ่งส่งสัญญาณผ่านลำแสงที่เรียกว่า Photophone


เบล และเดซิเบลเป็นหน่วยที่ใช้วัดความเข้มของเสียง ใช้สำหรับวัดความดังของเสียง ตั้งตามชื่อของเขา

เพื่อเป็นเกียรติแก่ยอดนักประดิษฐ์ Alexander Graham Bell อีกด้วย 


เบลล์เสียชีวิตเมื่อวันที่ 2 สิงหาคม พ.ศ. 2465 ตอนอายุ 75 ปี ในเมืองโนวาสโกเชีย ประเทศแคนาดา